คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาแบ่งมฤดกซึ่งตกลงให้ผู้รับมฤดกคน 1 รักษาทรัพย์ไว้ให้แก่เด็กซึ่งเป็นผู้รับมฤดกอีกคน 1 จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะหรือมีสามีนั้น อายุความเริ่มนับแต่ขณะเด็กบรรลุนิติภาวะหรือมีสามี อายุความเรื่องรักษาทรัพย์ไว้ให้เด็กนั้นมีกำหนด 10 ปี การขยายกำหนดอายุความให้แก่ผู้เยาว์หรือผู้วิกลจริตนั้นตาม ม.183 ขยายอายุความเรียกร้องเอาแก่คนอื่น และ ม.184 ขยายการเรียกร้องเอาแก่ผู้แทนโดยชอบธรรม การขยายกำหนดอายุความให้แก่ผู้เยาว์หรือผู้วิกลจริตนั้นจะมิได้ต่อเมื่ออายุความครบกำหนดแล้ว วิธีพิจารณาความแพ่ง การแปลสัญญาค้ำประกัน

ย่อยาว

ได้ความว่า ถ.บิดาโจทก์และสามีจำเลยที่ ๑ ถึงแก่กรรม โจทก์กับจำเลยที่ ๑ และผู้รับมฤดกอื่นทำสัญญาแบ่งมฤดกกัน โจทก์ได้ส่วนแบ่ง ๒๐๐๐ บาท เวลานั้นโจทก์เป็นผู้เยาว์ ตามสัญญาแบ่งมฤดกตกลงให้จำเลยที่ ๑ รักษาเงินรายนี้ไว้จนกว่าโจทก์บรรลุนิติภาวะหรือมีสามี โดยนำไปฝากธนาคารไว้ ศาลตั้งจำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดการมฤดก ถ.ส่วนจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ ในการไปรับเงินมฤดกจากธนาคารมาแบ่งปันโดยรับรองว่ายอมรับผิดใน
การที่เงินที่รับมาศูนย์หายหรือขาดตกบกพร่อง เมื่อจำเลยที่ ๑ รับเงินมาแล้วไม่ได้ฝากธนาคาร และไม่ได้จ่าย ให้แก่โจทก์ บัดนี้โจทก์มีอายุ ๒๒ ปี และมีสามีได้ ๕ ปีแล้ว ได้ฟ้องเรียกเงินรายนี้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์จะเกิดขึ้นต่อเมื่อสามีหรือบรรลุนิติภาวะและอายุความเช่นนี้มีกำหนด ๑๐ ปี คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ส่วนประมวลแพ่ง ม.๑๘๓ เป็นเรื่องขยายอายุความ ให้แก่ผู้เยาว์และผู้วิกลจริตในการใช้สิทธิเรียกร้องเอาแก่คนอื่น และตาม ม.๑๘๔ ขยายอายุความในการเรียกร้องเอาแก่ผู้แทนโดยชอบธรรมของตน คดีนี้เริ่มนับอายุความมายังไม่ครบบริบูรณ์จึงไม่มีการขยายกำหนดอายุความและแปลสัญญาค้ำประกันว่า เมื่อจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้จัดการทรัพย์มฤดกยังรับผิดต่อโจทก์อยู่ จำเลยที่ ๒ จะหลุดพ้นความรับผิดไม่ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง ซึ่งพิพากให้โจทก์ชนะคดี

Share