คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินในสัญญาจำนองซึ่งจำเลยเป็นลูกหนี้และเป็นผู้จำนองเองโดยมิได้บอกกล่าวการบังคับจำนองก่อนนั้นไม่ได้

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยทำสัญญาจำนองเรือน ๒ หลังกับครัว ๑ หลัง ไว้แก่โจทก์เป็นเงิน ๘๐๐ บาท จำเลยผิดนัดไม่นำต้นเงินมาชำระตามกำหนดทั้งดอกเบี้ยก็ค้าง โจทก์จึงให้ทนายมีจดหมายบอกให้จำเลยนำต้นเงินและดอกเบี้ยมาไถ่ถอนการจำนองภายใน ๗ วัน แต่ภายหลังโจทก์ได้ยอมให้จำเลยผัดไปอีก ครั้นครบกำหนดนัดจำเลยไม่นำต้นเงินมาชำระเป็นแต่เอาดอกเบี้ยมาผ่อนส่งให้บ้าง โจทก์ได้พูดทวงถามโดยปากเปล่า จำเลยก็ไม่ชำระ โจทก์จึงฟ้องเรียกต้นเงินและดอกเบี้ยที่ค้างจากจำเลย
ศาลล่างทั้ง ๒ มีความเห็นต้องกันว่าโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยมิได้ฟ้องขอให้บังคับจำนองจึงไม่จำเป็นต้องมีจดหมายบอกกล่าวจำเลยตามมาตรา ๗๒๘
ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีนี้ถึงแม้โจทก์จะฟ้องเรียกต้นเงินและดอกเบี้ยมิใช่ฟ้องบังคับจำนองก็ดี หากศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะ โจทก์ก็ย่อมได้สิทธิตามกฎหมายที่จะยึดทรัพย์ของจำเลยตลอดทรัพย์รายจำนองนี้ใช้หนี้ได้และถ้าหากมีเจ้าหนี้อื่นมาร้องขอเฉลี่ยทรัพย์รายจำนองโจทก์ก็ย่อมมีสิทธิตามกฎหมายที่จะยกสิทธิในสัญญาจำนองใช้ยันเจ้าหนี้อื่น ๆ ได้ประกอบทั้งหนี้ที่โจทก์ฟ้องจำเลยก็เป็นหนี้จำนอง ซึ่งจำเลยเป็นผู้จำนองเองโดยตรง หนี้ที่โจทก์ฟ้องจึงแยกจากหนี้ในสัญญาจำนองไม่ได้ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยโดยวิธีเช่นนี้ย่อมเป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมาย ม.๘๒๗ ศาลจะบังคับให้โจทก์ได้รับผลแห่งการหลีกเลี่ยงนั้นไม่ได้ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share