แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การวินิจฉัยฟ้องของโจทก์โดยไม่สืบพะยานว่าจะมีมูลหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาได้ อาญา ม.158 ใช้สำหรับฟ้องคดีอาญา ไม่ใช่คดีแพ่ง
ย่อยาว
จำเลยที่ ๑ ให้จำเลยที่ ๒ ฟ้องโจทก์เป็นคนล้มละลายโดยอ้างสัญญาประกันฉะบับหนึ่งซึ่งโจทก์ทำไว้ความจริงโจทก์หาได้ทำไม่ จึงขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๖๓-๑๕๗-๑๕๘-๑๕๙
ศาลโปริสภาจดรายงานว่า โจทก์กับพระสัทธาฯ ทำสัญญาขอให้จำเลยที่ ๑ เป็นนายประกันชำระเงินค่าพิมพ์หนังสือ จำเลยที่ ๑ เป็นนายประกันในเงินค่าจ้างนั้น โจทก์ได้ทำสัญญาไว้กับจำเลยที่ ๑ จริง แต่ไม่ใช่สัญญาให้จำเลยที่ ๑ เป็นนายประกัน จึงขออนุญาตศาลนำพะยานสืบในข้อนี้ ศาลไม่ยอมให้โจทก์สืบแล้วพิพากษาว่าข้อหาของโจทก์ไม่มีมูลในทางอาญา ให้ยกเสีย
ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืน
โจทก์ฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่า การกระทำเช่นนี้ควรมีผิดในทางอาญา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเข้าใจว่า สัญญานั้นเป็นสัญญาที่จำเลยที่ ๑ เป็นนายประกันโจทก์เพราะมีคำ ” นายประกัน” ต่อท้านนามของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นการแปลความในสัญญาและอาจจะเห็นแตกต่างกันได้ ฉะนั้นจะหาว่าจำเลยนำเอาความเท็จมาฟ้องโจทก์ไม่ได้ และ ม.๑๕๘ ใช้สำหรับฟ้องคดีอาญา ไม่ใช่ทางแพ่ง ให้ยกฟ้องโจทก์