แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลพิพากษาจำเลยกระทำผิดตาม ก.ม.อาญา ม.119,120,254 ดังนี้แม้ศาลจะใช้ ม.120 เป็นบทลงโทษจำเลยก็ดี ก็เป็นเรื่องปรับบทลงโทษจำเลยตาม ก.ม.เท่านั้น คดียังต้องฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม ม. 254 ซึ่งเป็นความอาญาอันเป็นเหตุร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 ถ้ามีเหตุสมควรศาลก็มีอำนาจเพิ่มโทษกักกันจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจมีมีดเป็นศาตราวุธพกพาไปในถนนหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้มีดทำร้ายร่างกายพลตำรวจโดยต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานผู้ทำการตามหน้าที่อันชอบด้วย ก.ม.
ก่อนคดีนี้จำเลยเคยถูกพิพากษาลงโทษจำคุกมาแล้ว ๕ ครั้งตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง (เป็นโทษฐานลักทรัพย์ ๒ ครั้ง รับของโจร ๒ ครั้ง กับฐานทำร้ายร่างกาย) ซึ่งมิใช่เป็นความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษ พ้นโทษแล้วกลับมากระทำอาญาอันเป็นเหตุร้ายในคดีนี้อีกภายใน ๕ ปี ไม่เข็ดหลาบขอให้เพิ่มโทษ และลงโทษกักกันจำเลยด้วย
จำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดและเคยต้องโทษจริงดังฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม. ๑๑๙,๑๒๐,๑๕๔ ให้ลงโทษตาม ม.๑๒๐ ซึ่งเป็นบทหนักตาม ม.๗๐ จำคุก ๓ ปี เพิ่มตาม ม. ๗๒ ลดกึ่งตาม ม.๕๙ คงจำคุก ๒ ปี ลงโทษตาม ม.๑๒๐ ไม่ใช่เหตุร้ายตาม พ.ร.บ. กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย ๒๔๗๙ จึงไม่ลงโทษกักกัน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.๓๓๕ ข้อ ๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม ปรับจำเลย ๖ บาท เมื่อลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่งแล้วและให้ลงโทษกักกันจำเลย ตามพ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. ๒๔๗๙ ม.๘,๙ เพิ่มขึ้นอีกโสดหนึ่ง มีกำหนด ๓ ปี นอกนั้นคงยืน
จำเลยฎีกาคัดค้าน เฉพาะที่ศาลลงโทษกักกัน
ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยลงโทษกักกันจำเลย ตาม พ.ร.บ. กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายด้วยนั้นชอบแล้ว เพราะกรณีเช่นนี้ต้องฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายตาม ม. ๒๕๔ ซึ่งเป็นความอาญาอันเป็นเหตุร้าย แม้ศาลจะใช้ ม.๑๒๐ เป็นบทหนักลงโทษจำเลยก็เป็นเรื่องปรับบทลงโทษจำเลยตาม ก.ม.เท่านั้น แม้เมื่อพิจารณาถึงข้อที่จำเลยเคยต้องโทษมาแล้วหลายครั้งตามใบแดงแจ้งโทษ รูปคดีสมควรจะลงโทษกักกันจำเลยจำเลยเคยต้องโทษมาแล้วหลายครั้งตามใบแดงแจ้งโทษ รูปคดีสมควรจะลงโทษกักกันจำเลย
พิพากษายืน