แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกะทงหรือเป็นความผิดกะทงเดียวแต่ต้องด้วย ก.ม.หลายบท มีหลักวินิจฉัยดังนี้คือ ถ้าการกระทำใดเป็นความผิดต้องด้วย ก.ม.หลายบทแล้วจะแยกการกระทำนั้นออกจากกันไม่ได้ ก็เป็นความผิดที่ต้องด้วย ก.ม.หลายบท แต่ถ้า ก.ม.บัญญัติการกระทำเป็นความผิดไว้คนละอย่างต่างกัน เช่น ลักทรัพย์กับทำร้ายร่างกายหรือทำร้ายร่างกายกับบุกรุกดังนี้ ผู้ที่กระทำผิดทั้งสองอย่างก็ต้องเป็นความผิด 2 กะทงไม่ใช่ต้องด้วย ก.ม.หลายบทเพราะต่างกรรมต่างวาระกัน
การที่จำเลยที่ 1 ทำผิดทั้งบุกรุกและพยายามฆ่าคนเป็นความผิด 2 ฐาน ไม่ใช่เป็นการกระทำเพียงอย่างเดียวจำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดเป็นสองกะทงคือฐานบุกรุกกะทงหนึ่งและฐานพยายามฆ่าคนอีกกะทงหนึ่ง แต่ถ้าความผิดอาญานั้นเกี่ยวเนื่องกันศาลอาจใช้ดุลยพินิจรวมกะทงลงโทษจำเลยได้.
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกันกล่าวคือจำเลยที่ ๑ มีอาวุธปืนไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยทั้งสองได้บุกรุกและพยายามฆ่าคนขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตาม ก.ม.อาญา ม.๒๔๙,๖๐,๓๒๙,๗๑,๖๓ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.๒๔๙๐ ม.๗,๗๒ ริบอาวุธปืนของกลางและนับโทษต่อคดีดำที่ ๖๔๓/๒๔๙๘ ของศาลจังหวัดอุดรธานีเพราะเป็นคน ๆ เดียวกัน
จำเลยทั้งสองให้การว่าไม่ได้ทำผิด ปืนของกลางไม่ได้จับได้ที่จำเลย และจำเลยมีมีผิดดังฟ้อง และจำเลยทั้งสองรับว่าเป็นคน ๆ เดียวกันกับจำเลยในคดีดำ ๖๔๓/๒๔๙๘
ศาลจังหวัดอุดรธานีพิพากษาว่านายคอจำเลยผิด ก.ม.อาญา ม.๒๔๙,๖๐ กะทงหนึ่งให้จำคุก ๑๒ ปีผิดฐานบุกรุกเคหะสถานตาม ก.ม.อาญา ม.๓๒๙ กะทงหนึ่งให้จำคุก ๓ เดือนและผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ ม.๗,๗๒ อีกกะทงหนึ่งให้ปรับ ๑๐๐ บาทอาวุธปืนของกลางริบ รวมจำคุกนายคอจำเลย ๑๒ ปี ๓ เดือน ปรับ ๑๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ม.๑๘ นายเป้าจำเลยผิด ก.ม.อาญา ม.๓๒๙ เท่านั้นจำคุกนายเป้าจำเลย ๓ เดือน นอกจากนี้ให้ยกเสีย ให้นับโทษจำเลยทั้งสองต่อคดีดำที่ ๖๔๓/๒๔๙๘ ของศาลจังหวัดอุดรธานี
นายคอจำเลยผู้เดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายคอจำเลยเป็นการกระทำโดยวาระเดียวกันอันเป็นความผิดหลายบทเท่านั้น ต้องลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม.๒๔๙,๖๐ ซึ่งเป็นบทหนัก พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกโทษตาม ก.ม.อาญา ม.๓๒๙ ที่จำคุกนายคอ ๓ เดือนนั้นเสีย นอกจากที่แก้นี้คงยืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษนายคอจำเลยดังศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาตรวจปรึกษาสำนวนคดีนี้แล้ว เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังไว้ว่าจำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปในรั้วบ้านนายเกาและนายคอจำเลยผู้เดียวได้ใช้ปืนยิงนายเกาแต่ไม่ถูกดังศาลล่างทั้งสองชี้ขาดมา ข้อวินิจฉัยในชั้นนี้มีเพียงว่าการกระทำของนายคอจำเลยเป็นความผิดหลายกะทง ดังฟ้องโจทก์และคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นหรือว่าเป็นความผิดกะทงเดียวแต่ต้องด้วย ก.ม.หลายบทดังศาลอุทธรณ์ชี้ขาดมาศาลฎีกาเห็นว่าความผิดอาญาทั้งหลาย ก.ม.บัญญัติถึงการกระทำอันเป็นความผิดไว้การกระทำใดเป็นความผิดที่ต้องด้วย ก.ม.หลายบทแยกการกระทำออกจากกันไม่ได้ก็เป็นความผิดที่ต้องด้วย ก.ม.หลายบทอย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้า ก.ม.บัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดดไว้คนละอย่างต่างกัน เช่นความผิดฐานลักทรัพย์กับทำร้ายร่างกายหรือทำร้ายร่างกายกับบุกรุกดังนี้ ผู้ที่กระทำผิดทั้งสองอย่างก็ต้องเป็นความผิด ๒ กะทงไม่ใช่ต้องด้วย ก.ม.หลายบท เพราะต่างกรรมต่างวาระกัน ในเรื่องนี้นายคอจำเลยทำผิดทั้งบุกรุกและพยายามฆ่าคนเป็น ๒ ฐาน ไม่ใช่เป็นการกระทำเพียงอย่างเดียว นายคดจำเลยต้องมีความผิดเป็นกะทงดังที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดมา แต่ถ้าความผิดอาญานั้นเกี่ยวเนื่องกัน ศาลอาจใช้ดุลยพินิจรวมกะทงลงโทษจำเลยได้
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าให้รวมกะทงลงโทษนายคอจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.๒๔๙,๖๐ และ ๓๒๙ มีกำหนด ๑๐ ปี นอกจากที่แก้นี้ยืนตามทุกประการ.