แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สำเนาสัญญาค้ำประกันที่โจทก์ส่งพร้อมฟ้อง มีลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน ผู้ให้กู้ และลายมือชื่อ ผู้เขียนสัญญาและพยาน ตามต้นสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างและส่งศาลมีลายพิมพ์นิ้วมือและเขียนบอกชื่อผู้ค้ำประกันกับมีพยานลงชื่อไว้ 3 คนซึ่งโจทก์ไม่ได้อ้างพยานเหล่านั้นเป็นพยาน แต่กลับนำพยานอื่นมาสืบว่าผู้ค้ำประกันลงลายพิมพ์นิ้วมือไว้ โดยมีพยาน 3 คนลงชื่อไว้ กับมีพยานอีกคนหนึ่งลงลายมือชื่อไว้ในฐานะผู้เขียนสัญญาแต่อย่างเดียว หาได้มีฐานะเป็นพยานด้วยไม่ ส่วนลายมือชื่อผู้ให้กู้ไม่มีดังนี้ ถือว่าโจทก์นำสืบขัดแย้งกับฟ้องของตนเพราะสำเนาสัญญาค้ำประกันเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง และต้องฟังว่า สัญญาค้ำประกันอันเป็นหลักฐานฟ้องผู้ค้ำประกันไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้ค้ำประกันตามบทบัญญัติมาตรา 9 ป.พ.พ. มีผลเท่ากับผู้ค้ำประกันมิได้ลงลายมือชื่อไว้ ไม่เป็นหลักฐานที่โจทก์จะนำมาฟ้องได้ตาม มาตรา 680 วรรค 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้กู้เงินโจทก์ ๗,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยผิดนัด จึงขอให้จำเลยทั้งสองใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การต่อสู้ว่า ไม่เคยกู้เงินโจทก์ สัญญาตามฟ้องโจทก์ทำปลอมขึ้น
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่า สัญญาค้ำประกันไม่มีพยานรับรองลายมือชื่อตามกฎหมายเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสำเนาหนังสือสัญญาค้ำประกันที่โจทก์ส่งพร้อมฟ้องตอนท้ายมีลายมือชื่อจำเลยที่ ๒ ผู้ค้ำประกัน และโจทก์ผู้ให้กู้และลายมือชื่อนายกลับผู้เขียนสัญญา และพยาน และตามต้นสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างและส่งศาลปรากฏว่ามีลายพิมพ์นิ้วมือและเขียนบอกชื่อจำเลยที่ ๒ ตามคำพยานโจทก์ว่า จำเลยที่ ๒ เอาหัวแม่มือทากะทะแล้วมาแปะในสัญญา และพยานลงลายมือชื่อไว้ ๓ คน คือ นายทอง นายลองและนายกั่ว โจทก์ไม่ได้อ้างบุคคลทั้ง ๓ มาเป็นพยาน กลับมีลายมือชื่อนายกลับผู้เขียนสัญญาแต่อย่างเดียว หามีฐานะเป็นพยานไม่ เป็นอันว่า ตามสำเนาสัญญาค้ำประกันที่เสนอพร้อมฟ้องและเป็นส่วนหนึ่งแห่งฟ้องไม่ปรากฏว่ามีพยานตามที่โจทก์นำสืบถึงดังกล่าว ลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้ค้ำประกันเลย ที่โจทก์นำสืบมาเป็นการขัดแย้งกับฟ้องของตน ศาลจะรับฟังมิได้ จึงต้องถือว่าสัญญาค้ำประกันอันโจทก์ถือเป็นหลักฐานฟ้องจำเลยที่ ๒ ไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ค้ำประกันตามบทบัญญัติในมาตรา ๙ ป.พ.พ. มีผลเท่ากับผู้ค้ำประกันมิได้ลงลายมือชื่อไว้ ไม่เป็นหลักฐานที่โจทก์จะนำมาฟ้องร้องได้ ตามมาตรา ๖๘๐ วรรค ๒ ฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ จึงรับไว้พิจารณาไม่ได้
พิพากษาแก้ ให้ยกคำขอที่บังคับว่า ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระหนี้รายนี้ ก็ให้จำเลยที่๒ ชำระให้จนครบ นอกนั้นยืนตาม