คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญา จำเลยหลบหนีไปก่อน ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังแล้ว ทนายจำเลยยื่นฎีกาแทนจำเลย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2502)

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทั้งสองได้ขับรถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้รถยนต์เสียดสีกัน ทำให้คนตายและบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ ผิดฐานมีเครื่องห้ามล้อใช้การไม่ได้ ให้ปรับ ๑๐๐ บาท ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
อัยการและโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้ง ๒ มีความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๒๙ (๔) และกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความใน พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๒) ข้อ๔ และกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๕๒ ให้ลงโทษตาม มาตรา ๒๕๒ ซึ่งเป็นบทหนัก นอกจากที่แก้นี้คงเป็นไปตามศาลชั้นต้น
นายประดิษฐ์ เปรมโยธิน ทนายจำเลยที่ ๑ และนายขำ พงศ์หิรัญ ทนายจำเลยที่ ๒ ยื่นฎีกาแทนจำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลยตาม มาตรา ๑๘๒ ป.วิ.อ. นั้น ทนายจำเลยยื่นฎีกาแทนจำเลย ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าไม่มีกรณีที่ศาลฎีกาจะพิจารณาโดยเปิดเผยตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๒๐๓ ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ไปได้
พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ นอกนั้นยืนตามศาลอุทธรณ์

Share