คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินและไม่ได้ใช้เป็นที่บ้านอยู่อาศัย ทั้งไม่เป็นที่ดินซึ่งได้รับความคุ้มครองตาม ก.ม. ลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 การฟ้องคดี เพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองต้องใช้บทอายุความตาม ป.พ.พ.ม. 1375 คือ ต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
โจทก์เสียค่าขึ้นศาลสำหรับค่าเสียหายที่ฟ้องเรียกมาในทุนทรัพย์ 2,000 บาท ตามฟ้องเดิม เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ค่าเสียหายเพียง 1,200 บาท และโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คัดค้าน ทั้งในชั้นฎีกาโจทก์ก็ขอให้พิพากษาตามศาลชั้นต้น เช่นนี้ เรียกค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาจากโจทก์เพียงในทุนทรัพย์ 1,200 บาทเท่านั้น ไม่ใช่ในทุนทรัพย์ 2,000 บาท ตามฟ้องเดิม.

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑-๒ หาว่าบุกรุกเข้ามาในที่ของโจทก์บางส่วน ขอให้ศาลพิพากษาสั่งแสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องและเรียกค่าเสียหาย ๒,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑-๒ ให้การว่า จำเลยเข้าครอบครองที่แปลงนี้โดยอาศัยสัญญาจะซื้อขาย ซึ่งจำเลยจะซื้อกับบางบ๊วยผู้จะขาย ขอให้เรียกนางบ๊วยเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
นางบ๊วยจำเลยที่ ๓ ให้การว่า ที่พิพาทเป็นของบ๊วยและฟ้องแย้งขอให้ห้ามโจทก์เกี่ยวข้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์เป็่นเจ้าของและมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลยทั้งสาม ห้ามจำเลยกับบริวารเกี่ยวข้อง กับให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าเสียหาย ๑,๒๐๐ บาท
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ห้ามโจทก์เกี่ยวข้องกับที่พิพาท
โจทก็ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน โจทก์ไม่ได้แสดงว่าที่ราบพิพาทเมื่อโจทก์ซื้อจากหลวงอร่ามคีรีรักษ์ได้ใช้เป็นที่บ้านอยู่อาศัยเป็นหลักฐานมาแล้วประการใด น่าจะเป็นที่รกจึงไม่มีรั้วหรือแนวเขตเป็นหลักฐานเมื่อโจทก์ไม่ได้แสดงให้ฟังได้ว่า เป็นที่ดินซึ่งได้สิทธิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ ๔๒ มาแล้ว ก็จำต้องใช้บทอายุความตาม ป.พ.พ.ม. ๑๓๗๕ คือ การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองต้องฟ้องภายใน ๑ ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง แต่จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมาเกินกว่า ๑ ปี แล้ว แม้จะเป็นที่ของโจทก์ก็ต้องยกฟ้องตามข้อตัดฟ้องของจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ดังความเห็นศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ ๑-๒ ได้ครอบครองที่พิพาทมาเกินกว่า ๑ ปีแล้ คดีโจทก์ขาดอายุความ ส่วนคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๓ นั้น เมื่อโจทก์ก็ไม่มีสิทธิเรียกที่พิพาทจากจำเลยได้ โจทก์ไม่มีสิทธิจะเข้าไปขัดขวางสิทธิครอบครองของจำเลยต่อไป
ศาลฎีกาพิพากษายืน
อนึ่ง ค่าขึ้นศาลสำหรับค่าเสียหายที่เสียมาในทุนทรัพย์ ๒,๐๐๐ บาท ตามฟ้องนั้นศาลชั้นต้นพิพากษาให้ค่าเสียหายเพียง ๑,๒๐๐ บาทเท่านั้น โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านและในชั้นฎีกาโจทก์ก็ขอให้พิพากษาตามชั้นต้น ที่เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามาตามฟ้อง (คือ ตามทุนทรัพย์ ๒,๐๐๐ บาท) นั้นเกินไป ไม่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ.ม. ๑๕๐ วรรค ๒ ให้คืนค่าขึ้นศาลที่โจทก์เสียเกินมาแก่โจทก์

Share