คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านที่เช่าเพื่อทำการค้าซึ่งมีค่าเช่าเดือนละ 36 บาท จำเลยต่อสู้ว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน เมื่อจำเลยมิได้ยกคำแปลข้อความในสัญญาเป็นข้อต่อสู้ประการใด ก็ย่อมถือว่าเป็นคดีมโนศาเร่ตาม ป.วิ.แพ่ง ม. 189 (1)

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเช่าบ้านของโจทก์เพื่อประกอบการค้าค่าเช่าเดือนละ ๓๖ บาท ขอให้ขับไล่ จำเลยต่อสู้ว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯ
ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งใจความในสัญญาเช่าคดีจึงไม่ใช่คดีมโนสาเร่ ให้ดำเนินคดีต่อไปอย่างคดีแพ่งสามัญ แล้วฟังว่าจำเลยเช่าบ้านโจทก์เป็นที่อยู่อาศัยย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นคดีมโนสาเร่ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง จึงให้ยกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาปรึกษาว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าบ้านพิพาทของโจทก์ ฝ่ายจำเลยคงรับว่าได้ทำสัญญาเช่าบ้านโจทก์จริง จึงเป็นการตรงกันในลักษณะของสัญญา ไม่จำต้องแปลความหมายอีก ส่วนข้อที่ว่าจำเลยเช่าเป็นที่อยู่อาศัยหรือใช้ประกอบการค้าเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาเพื่อทราบถึงเจตนาตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน เพราะฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่าเป็นคดีมโนสาเร่จึงชอบแล้วไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงประการอื่นตามฎีกาโจทก์ต่อไป
จำพิพากษายืน

Share