แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หน้าที่นำสืบจับไม้สักซึ่งเลื่อยเป็นไม้เหลี่ยมได้ที่จำเลยโดยไม่มีดวงตราประทับที่ไม้นั้นหน้าที่นำสืบหาตกอยู่แก่จำเลยที่จะต้องแสดงบริสุทธิว่าไม้ของกลางนั้นได้เสียภาษีค่าตอและมีดวงตราของเจ้าพนักงานแล้วไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่าเจ้าพนักงานป่าไม้ไปพบไม้สักซึ่งเลื่อยเป็นไม้ตับหรือไม่เหลี่ยม รวม ๒๗ ท่อนไม่มีดวงตราประทับ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ป้องกันการชักลากไม้สักออกจากป่าที่ยังไม่ได้เสียค่าตอและภาษี ร.ศ.๑๑๘
จำเลยรับว่าไม้เป็นของจำเลยซื้อมาจากพ่อค้าไม้ ซึ่งผู้ขายได้เสียค่าตอแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ไม้ของกลางไม่มีดวงตราประทับอยู่เลย ซึ่งตาม พ.ร.บ. ข้างต้นข้อ ๕ ต้องถือว่าผู้ชักลากมีผิด หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยที่จะต้องแสดงความบริสุทธิว่าไม้ของกลางได้เสียค่าตอและมีดวงตราแล้ว เมื่อจำเลยนำสืบไม่ได้ก็มีผิด
ศาลฎีกาตัดสินยืมตามศาลอุทธรณ์ว่าจะยกเอาข้อ ๕ นั้นมาใช้เป็นข้อสันนิษฐานในไม้ของกลางรายนี้ ซึ่งเลื่อนเป็นเหลี่ยนเป็นตับแล้วไม่ได้ เพราะความในข้อ ๕ นั้นกล่าวถึงประเภทไม้ต้นทั้งนั้น หาได้กล่าวถึงไม้ที่เลื่อยเป็นเหลี่ยมเป็นต้นไม่ และตามธรรมดาไม้ที่เลื่อยเปิดปีกออกเป็นท่อนเป็นแผ่นย่อมเปลี่นนสภาพจากไม้ต้น ดวงตราเจ้าพนักงานย่อมไม่มีติดอยู่ที่ไม้นั้น เมื่อความสันนิษฐานข้อ ๕ นำมาใช้มิได้แล้ว โจทก์กล่าหาว่าไม้ของกลางผิด พ.ร.บ. จึงตกหน้าที่โจทก์นำสืบ คดีนี้โจทก์สืบมิได้จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์