แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลักษณพะยาน คำพะยานบอกเล่า เบิกความเป็นพะยานในข้อที่เป็นคำพะยานบอกเล่านั้นจะเป็นความเท็จหรือไม่ก็ไม่เป็นข้อสำคัญในคดีพอที่จะเป็นผิดฐานเบิกความเท็จ คำเบิกความของพะยานในข้อที่เป็นคำพะยานบอกเล่านั้นใช้ยันคู่ความไม่ได้
ย่อยาว
เดิม อ.ชนะคดีจำเลยนี้แลภรรยาโจทก์กับคนอื่นอีกเรื่องเรียกเงินราคาเครื่องจักร์ทำน้ำแข็ง แล้วนำยึดทรัพย์ภรรยาโจทก์โจทก์นี้ร้องขัดทรัพย์ในคดีนั้นว่าไม่ได้อนุญาตให้ภรรยาเข้าหุ้นทำการค้าขายน้ำแข็งจำเลยนี้เป็นพะยานให้ อ.ในคดีนั้น โจทก์จึงฟ้องคดีนี้หาว่าจำเลยเบิกความเท็จ
ศาลเดิมลงโทษจำเลยตาม ม.๑๕๕
ศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาแยกพิจารณาตามฟ้อง ๔ ข้อ คือ ข้อ ๑-๒ ที่จำเลยเบิกความว่าภรรยาโจทก์แล ว. บอกจำเลยว่าโจทก์ตกลงให้ภรรยาเข้าหุ้น โจทก์ว่าเป็นความเท็จนั้น ศาลอุทธรณ์ว่าไม่ใช่สำคัญในคดีขัดทรัพย์เพราะเป็นพะยานบอกเล่า ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย เพราะเห็นว่าไม่ใช่คำพะยานที่จะยกไปยันโจทก์ได้ โดยไม่ใช่คำเบิกความของภรรยาโจทก์และ ว.เอง
ข้อ ๓. ที่จำเลยเบิกความว่า ต.บุตร์โจทก์นำเงินค่าหุ้น ๑๐๐๐ บาทไปให้จำเลยและบอกจำเลยว่าบิดามารดาให้นำมาชำระค่าหุ้นนั้น โจทก์ว่าความจริงภรรยาโจทก์เป็นผู้เอาไปให้เอง ไม่ใช่ ต. นำไปศาลฎีกาเห็นว่า ต.หรือภรรยาโจทก์เป็นผู้นำเงินไปนั้นไม่กะทบกะเทือนถึงตัวโจทก์ข้อที่จะกะทบกะเทือนถึงตัวโจทกืก็คือข้อที่ ต.ว่าโจทก์มอบเงินไปให้ แต่ข้อนี้จำเลยทราบจาก ต. บอกเรียกว่าเป็นคำพะยานบอกเล่า
ข้อ ๔.เป็นข้อเท็จจริงซึ่งศาลฎีกาไม่เชื่อว่าจำเลยเบิกความเท็จดังฟังของโจทก์ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์