คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเช่าที่จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมเช่าหรือไม่นั้น ข้อสำคัญอยู่ที่เช่าเพื่ออยู่อาศัยหรือไม่ เป็นหลัก
หากเช่าเป็นที่อยูอาศัยแล้ว จะใช้เป็นที่ประกอบการค้าด้วยหรือไม่ก็ตาม ก็ได้รับความคุ้มครองกลับกันหากว่าไม่ใช่เช่าเพื่ออยู่อาศัยหากแต่เช่าเพื่อการค้าดังนี้แม้จะอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง
จำเลยและครอบครัวได้เข้าอยู่ในห้องเช่ามาช้านานถึง 10 ปีเศษและได้ใช้ห้องนี้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยและครอบครัวตลอดมาพฤติการณ์ส่อแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยโดยแท้ แม้ต่อมาจำเลยจะได้จดทะเบียนพาณิชย์ทำการค้าในห้องพิพาทตลอดจนได้เสียภาษีป้ายและภาษีโรงค้า ก็เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อพฤติการณ์ยังไม่พอฟังว่าการเช่าห้องรายนี้ได้เปลี่ยนสภาพหรือเจตนาเป็นเช่าเพื่อพิพาทของจำเลยก็ย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องหมายเลขที่ ๑๐๔๑+ ของโจทก์เพื่อประกอบการค้าในนามยี่ห้อว่า “เจริญผล” โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยไม่ยอกออก ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเช่าห้องรายพิพาทเพื่ออาศัยอยู่และค้าขายบ้างเล็กน้อย จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ
คู่ความต่างอ้างเอกสารต่าง ๆ และตกลงกันขอให้ศาลไปเดินเผชิญสืบตรวจดูห้องพิพาท แล้ววินิจฉัยชี้ขาดโดยคู่ความไม่ติดใจสืบพะยานบุคคล
ศาลชั้นต้นไปตรวจฟ้องพิพาทปรากฎว่าตั้งอยู่ริมถนนชุมพล เป็นห้องแถวติดต่อกันตรงข้ามกับตลาดอาหารสด ห้องพิพาทมีห้องเดียวสองชั้น ชั้นล่างมีชั้นวางของติดกับฝาทั้งสองด้าน กับชั้นวางของขายตั้งอยู่ตอนหน้าร้าน ตามชั้นวางเครื่องปั้นดินเผามีหมือ อ่าง เตาขนมครก กะถาง กับมีไม้กวาดดอกหญ้า กระเป๋า เชือกถัก ตะกร้าหวาย ติดตั้งไว้ขาย มีจักร ๑ คันกับม้านั่ง ห้องหลังเป็นครัว ชั้นบนเป็นที่นอน ห้องแถวติดต่อกับห้องพิพาทเป็นร้านค้า นอกจากเครื่องดินเผายังมีของใช้ต่าง ๆ วางอยู่ด้วย เช่นเสื้อผ้า หมวกเด็ก กระเป๋าเด็กนักเรียน ถ้วยแก้ว หม้อเครือบ เป็นของใช้ในครอบครัว ฯลฯ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยอยู่อาศัยหรือเพื่อการค้าเห็นว่าสินค้าในร้านมีแต่ของราคาถูก ๆ แสดงว่าจำเลยอยู่อาศัยจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ พิพากษายกฟ้องโจทก์
แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าประเด็นข้อที่ว่าจำเลยจะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯหรือไม่ เป็นหน้าที่จำเลยจะต้องสืบ เท่าที่จำเลยนำสืบมาก็มีแต่สภาพของห้องเท่าที่ศาลไปเห็นมา แต่กลับปรากฎว่าจำเลยจดทะเบียนพาณิชย์ทำการค้าแสดงว่าจำเลยเจตนาทำการค้า พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อสำคัญแห่งคดีนี้ ก็คือเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือไม่เป็นหลัก หากว่าเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่+ ใช้เป็นที่ประกอบธุระกิจการค้า ฯ ควรหรือไม่ ก็ตามย่อมได้รับความคุ้มครอง กลับกันหากว่าไม่ใช่เช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหากแต่เช่าเพื่อประกอบการค้า แม้จะอยู่อาศัยด้วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง คดีนี้ได้ความว่าจำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัย จึงได้รับความคุ้มครอง
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share