คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ได้รับหมายเกณฑ์ให้ไปตรวจคัดเลือกเพื่อรับราชการทหาร แต่ป่วยจึงโทรเลขแจ้งให้คณะกรรมการทราบ คณะกรรมการไม่พอใจหลักฐานจึงแทงบัญชีว่าขาด ดังนี้ยังไม่ชื่อว่าเป็นผู้ต้องหาว่าได้กระทำผิด จนกว่าเจ้าพนักงานจะได้สั่งสอบสวน

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยเป็นปลัดจังหวัดชลบุรี ล.เป็นบุตร์ชายสำเร็จการศึกษาที่กรุงเทพฯ แลรับราชการอยู่ที่กองทะเบียนกระทรวงมหาดไทย เป็นคนสายตาสั้น ตั้งใจจะไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมที่ต่างประเทศกำหนดจะไปวันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๙ ปรากฎว่าจำเลยได้รับหมายเกณฑ์ทหารให้ไป ตรวจคัดเลือกในวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๙ ครั้นถึงกำหนดตรวจคัดเลือก ล.ป่วยเป็นไข้ไปให้ตรวจไม่ได้ จึงได้ส่งโทรเลขไปถึงจำเลยผู้เป็นบิดาบอกอาการป่วยให้ทราบจำเลยจึงมอบโทรเลขเสนอให้คณะกรรมการตรวจคัดเลือก ๆ ไม่พอใจในหลักฐานที่แสดงจึงแทงบัญชีว่าขาดแล้วรายงานไปยังข้าหลวงประจำจังหวัด ๆ จึงได้สั่งให้สอบสวนเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๙ ปรากฎว่าจำเลยได้ส่ง ล.ไปต่างประเทศเสียตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน โจทก์เห็นว่าจำเลยสมรู้เป็นใจให้ ล.หลีกเลี่ยงขัดขืนการเกณฑ์ทหารตลอดจนช่วย ล.ให้พ้นอาญา จึงฟ้องขอให้ลงโทษตาม ม.๑๕๕-๖๔ แล พ.ร.บ.ลักษณเกณฑ์ทหาร พ.ศ.๒๔๗๕
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีข้อพิจารณาอยู่ ๒ ข้อ คือ ๑. ล.เป็นผู้กระทำผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่าได้กระทำผิดหรือไม่
๒. จำเลยสมรู้เป็นใจให้ ล.หลีกเลี่ยงขัดขืนการเกณฑ์ทหารหรือไม่
เห็นว่าวิธีปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในเรื่องมีผู้มาบอกป่วยตาม ม.๑๗ ในเมื่อมีการขัดขืนเกิดขึ้นนั้น เจ้าหน้าที่ยังหาดำเนินการจับกุมไม่ ถ้าป่วยจริงก็ไม่จับกุมฟ้องร้อง ถ้าไม่จริงจึงจับกุมฟ้องร้องต่อไป เห็นว่าในทันทีที่แทงบัญชีว่า “ขาด” ล.ยังไม่ถูกเป็นผู้ต้องหา จนกว่าจะได้ดำเนินการสอบสวนแลเจ้าพนักงานก็ได้สอบสวนภายหลังเวลาซึ่งจำเลยจัดส่ง ล.ไปต่างประเทศ ความผิดฐานช่วยผู้อื่นให้พ้นอาญา จึงเกิดขึ้นในขณะนั้นไม่ได้ ส่วนในข้อสมรู้เป็นใจนั้นเห็นว่าจำเลยมีเจตนาเพียงส่ง ล.ไปเพื่อศึกษาหามีเจตนาช่วย ล.ให้หลีกเลี่ยงขัดขืนการเกณฑ์ทหารไม่ จำเลยจึงยังไม่มีผิด จึงพิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share