คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2475

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ละเมิด ใช้สิทธิเกินส่วนทำให้ผู้อื่นเสียหายต้องรับผิดอย่างไรเรียกว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงจากคำพะยาน หลักฐานในท้องสำนวน
วิธีพิจารณาแพ่ง ม. 27 มิได้บังคับให้ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริงทุกข้อ เป็นแต่ให้ศาลเพียรตัดสินทุกข้อเท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์นำสืบว่าโจทก์ได้เช่าห้องแถวจำเลยที่ ๑ อยู่แลจำเลยได้ยินยอมให้โจทก์ตีฝาห้องเช่า ภายหลังโจทก์ได้เอาสุกรมาพักไว้ข้างหลังห้อง จำเลยที่ ๑ จึงให้โจทก์ออกจากห้องเช่า โจทก์ขอผัดเรื่อยมา จำเลยที่ ๑ – ๒ -๓ จึงไล่โจทก์ออกแลใส่กุญแจห้องเสียเป็นเหตุให้สุกรโจทก์ซึ่งติตกุญแจอยู่ในห้องหายไป ๕ ตัว จึงขอให้ใช้ค่าเสียหาย
ศาลแพ่งเห็นว่าจำเลยที่ ๑ สืบไม่สมข้อต่อสู้ จึงพิพากษาให้ใช้ค่าเสียหาย ส่วนจำเลยที่ ๒ – ๓ ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ยืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า (๑) ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงผิดจากคำพะยานหลักฐานในท้องสำนวน (๒) ศาลล่างมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงทุก ๆ ข้อผิดต่อ พ.ร.บ. วิธีพิจารณาแพ่ง ม. ๒๗
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อ ๑. ตามคำพยานโจทก์เบิกความว่าตรงที่เลี้ยงสุกรนั้นอยู่ในเขตต์ห้องเช่า แต่อยู่ทางด้านหลังที่ศาลล่างฟังว่าสุกรอยู่ในห้องเช่าก็ไม่เป็นการผิดจากคำพะยานหลักฐานในท้องสำนวนอย่างไร แลตาม ข้อ ๒. พ.ร.บ. วิธีพิจารณาแพ่ง ม. ๒๗ ก็บัญญัติแต่ว่าให้เพียรตัดสินทุกข้อทุกประเด็นเท่าที่ทำได้เท่านั้น ส่วนข้อเท็จจริงคดีนี้ศาลล่างฟังว่าจำเลยปิดห้องขังสุกรของโจทก์เป็นเหตุให้สุกรโจทก์หาย ฉะนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดตาม ม. ๔๒๐ จำเลยต้องรับผิดใช้สินไหมทดแทนค่าสุกรให้โจทก์จึงตัดสินยืน

Share