คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ลูกหนี้ชำระหนี้สิ้นเชิงนั้นลูกหนี้จะยึดถือใบรับเงินที่เจ้าหนี้ออกให้เป็นหลักฐานแทนการรับเวนคืนเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้หรือขึดฆ่าเพิกถอนเอกสารนั้นก็ได้หนี้ที่เกิดขึ้นโดยคำพิพากษาของศาลไม่จำต้องนำมาชำระในศาลจะชำระนอกศาลก็ได้ ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.93 (2) ลูกหนี้ที่ถูกฟ้องอ้างว่าได้ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ไปแล้วแต่ใบรับเงินไฟไหม้เสียหมดลูกหนี้ขอสืบพะยานบุคคลแทนได้ สัญญาทางพระราชไมตรีคดีที่คนในบังคับอังกฤษเป็นคู่ความฎีกาได้แต่ฉะเพาะปัญกาข้อกฎหมายค่าธรรมเนียม

ย่อยาว

ได้ความว่าเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินกู้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๑๙๑ บาทกับดอกเบี้ยให้โจทก์ คดีถึงที่สุด ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยยังมิได้ใช้เงินที่ศาลพิพากษาให้โจทก์ ขอให้ศาลหักเงินเดือนของจำเลยผ่อนใช้ให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าได้ชำระให้โจทก์แล้วแต่ใบรับเงินที่โจทก์ออกให้นั้นถูกไฟไหม้หมดแล้วจึงขอสืบพะยานแสดงว่าได้ชำระเงินให้โจทก์แล้วตามข้อต่อสู้
ศาลชั้นต้นไม่ยอมให้จำเลยสืบพะยาน
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่าไม่มีกฎหมายใดบังคับว่าหนี้ที่เกิดขึ้นโดยคำพิพากษาจะต้องนำมาชำระในศาลจะชำระนอกศาลก็ได้ และตาม ป.พ.พ.ม.๓๒๖ นั้นการชำระหนี้สิ้นเชิงให้สิทธิแก่ผู้ชำระหนี้ที่จะได้รับเวนคืนเอกสาร อันเป็นหลักฐานแห่งหนี้หรือขึดฆ่าเพิกถอนเอกสารนั้น หรือจะยึดใบรับเงินที่เจ้าหนี้ออกให้แทนก็ใช้ได้ ฉะนั้นจึงเห็นว่า คดีนี้จำเลยมีสิทธิตามมาตรา ๙๓ (๒) แห่งประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่จะขอสืบพะยานบุคคลแทนได้ จึงพิพากษาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ ค่าธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ผู้แพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสีย

Share