คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 152/2470

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่สั่งให้ศาลเดิมพิจารณาใหม่โดยอาศรัยเหตุที่จำเลยไม่มีทนายแก้ต่างเปนคำสั่งที่มิชอบจำเลยย่อมฎีกาได้คำสั่งให้พิจารณาใหม่นั้นควรเปนคำพิพากษา

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๔๙-๒๕๐
จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างฐานที่อยู่
ศาลจังหวัดกำแพงเพ็ชร์ได้สืบพยานฝ่ายโจทย์เสร็จแล้ว จึงตั้งให้นายศุขเปนทนายจำเลยและจำเลยก็ไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ศาลจึงเห็นควรยกฟ้องแต่อธิบดีเห็นแย้งว่า ควรลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๔๙
โจทย์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำพิพากษาศาลเดิมเสียให้พิจารณาคดีใหม่และพิพากษาต่อไป โดยอ้างว่า คดีอุกฉกรรจ์ควรมีทนายว่าต่างมาแต่ต้น
โจทย์ฎีข้อกฎหมายว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยทางพิจารณา
ศาลฎีกาตัดสินในประเด็นที่ว่า
๑.คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งให้ศาลเดิมสืบพยานใหม่และพิพากษาต่อไปโดยอาศรัยเหตุที่จำเล่ยไม่มีทนายแก้ต่างมาแต่แรกนั้นจะเปนคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ๒. เมื่อคำสั่งของศาลอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทย์จะถวายฎีกาได้หรือไม่
ในปัญหาข้อ ๑ เห็นว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์เปนคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายและวิธีพิจารณา เพราะตามสำนวนปรากฎว่า ศาลเดิมได้ดำเนิรมาโดยถูกต้อง ในชั้นอุทธรณ์คู่ความก็ไม่ได้คัดค้านการพิจารณาของศาลเดิม โจทย์คัดค้านข้อเท็จจริงเท่านั้น และอีกประการหนึ่งการตั้งทนายความให้จำเลยนั้น ถ้ามิได้ร้องขอแล้ว ศาลควรจะเอื้อเฟื้อจัดหาทนายให้ แต่ก็ไม่มีกฎหมายบังคับว่าจำเลยต้องมีทนายทุกเรื่องถ้าไม่มีจะให้พิจารณาใหม่และการที่บังคับให้ศาลล่างพิจารณาและพิพากษาใหม่นั้นควรเปนคำพิพากษาหาควรทำเปนคำสั่งไม่ เมื่อคำสั่งของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทย์ก็มีอำนาจฎีกาได้ จึงให้ยกคำสั่งศาลอุทธรณ์เสีย ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาต่อไป

Share