แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดเวลากลางวันพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำผิดเวลากลางคืน ต้องยกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๔๘๓ เวลากลางวัน พลตำรวจสง่า พลตำรวจกองศรีได้จับนายหลี แซ่อึ๋งฐานมีกันชาไม่ได้รับอนุญาตและใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยทางทุจริตเรียกเงินจากนายหลี แล้วปล่อยนายหลีไปโดยนางน้อยเป้นผู้สมรู้ขอให้ลงโทษ แต่พะยานโจทก์ปรากฏว่าพลตำรวจสง่าเรียกร้องเงินจากนายหลีในเวลากลางคืน ศาลชั้นต้นจึงเห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าเกิดเหตุกลางวัน จำเลนจึงสืบเหตุการณ์ฉะเพาะกลางวัน ไม่เกี่ยวถึงตอนค่ำดังพะยานโจทก์ จึงลงโทษไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามฟ้องโจทก์ย่อมหมายความว่าจำเลยจับนายหลีและเรียกเงินในกลางวันนั้นเองจะแปลว่าแล้วต่อมาในเวลากลางคืนจำเลยจึงเรียกเงินอย่างใดได้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยทำผิดเวลากลางคืนก็นับว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง ลงโทษจำเลยไม่ได้ตามวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๒(๒) จึงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องของโจทก์นั้นการจับกุมเวลาไหนนั้นหาสำคัญเท่าเวลากระทำผิดไม่ เพราะเป็นข้อสำคัญหนึ่งที่โจทก์จะต้องระบุมาในฟ้องตามที่บัญญัติไว้ในวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘(๕) ด้วยเหตุดังกล่าวแล้วเห็นว่าเวลากลางวันนั้นเป็นเวลาที่โจทก์ประสงค์ให้ศาลทราบว่าเป็นเวลาที่จำเลยใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยทางทุจริตดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องชอบแล้ว จึงพิพากษายืนตาม