แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะร้องขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีก่อน ศาลก็ใช้ดุลยพินิจให้นับโทษจำเลยตั้งแต่วันต้องขังในคดีหลังโดยไม่นับโทษต่อจากคดีก่อนตามโจทก์ขอได้ทั้งนี้เพราะ ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 32 ได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจได้
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน แต่เห็นสมควรให้นับโทษจำเลยตั้งแต่วันถูกคุมขังมาในคดีนี้เป็นต้นไป
โจทก์อุทธรณ์ขอให้นับโทษจำเลยที่ ๑ – ๒ ต่อกับโทษในคดีที่โจทก์ได้ร้องขอไว้ จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์คัดค้านในข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยที่ ๓ ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า กาที่ศาลชั้นต้นแลศาลอุทธรณ์ให้นับโทษจำเลยที่ ๑,ที่ ๒, แต่วันต้องขังในคดีนี้โดยไม่นับต่อจากคดีก่อนตามโจทก์ขอ เป็นการใช้ดุลยพินิจที่ปราศจากบทกฎหมายสนับสนุนนั้น เห็นว่ากฎหมายที่ให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจในเรื่องนี้ก็คือ กฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๒ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ส่วนฎีการของจำเลย ศาลฎีกาก็คงเห็นตามศาลล่างจึงพิพากษายืน