แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ใดถูกกักขังโดยอำนาจของเจ้าพนักงานตำรวจนั้น ภายหลังจะมาฟ้องขอให้ลงโทษผู้ซึ่งบอกให้ตำรวจจับตัวไปตาม ม.270 ไม่ได้ วิธีพิจารณาอาชญา พ.ร.บ. วิธีพิจารณาอาชญาใช้ไปพลางก่อน ร.ศ.115 ม.35 ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้กำหนดโทษที่ศาลล่างวางมาได้ พ.ร.บ. ฎีกาอุทธรณ์ ม.8 ความเปนคนในบังคับอังกฤษ ฎีกาได้แต่ในปัญหากฎหมาย
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยทั้ง ๒ ได้จ้างหรือจัดการยุยงให้ บ.ผู้เยาว์ไปร้องทุกข์ต่อตำรวจว่า โจทก์ทำผิดกฎหมายอาชญา มง๒๔๒ เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้จับตัวโจทก์ไปกักขังไว้ แต่ไต่สวนไม่มีมูลแห่งความจริงจึงปล่อยโจทก์ไป โจทก์จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมาย
ศาลเดิมตัดสินว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๑๕๘-๑๗๔ ให้จำคุกไว้คนละ ๑ ปี และให้เพิ่มโทษ ร.อีก ๑ ใน ๓ รวมเปนจำคุก ร.๑ ปี ๔ เดือนศาลอุทธรณ์ตัดสินแก้ในข้อกำหนดโทษให้จำคุกจำเลยไว้คนละ ๒ ปี และให้เพิ่มโทษ ร.จำเลยตาม ม.๗๒ อีก ๑ ใน ๓ รวมเปนจำคุก ร.๒ ปี ๘ เดือน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๒๗๐ อีกกะทงหนึ่ง ฝ่ายจำเลยฎีกาคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าเพิ่มกำหนดโทษจำคุกจำเลยมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะโจทก์ไม่ได้ขอมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้คู่ความฎีกาได้แต่ในปัญหากฎหมาย และข้อที่โจทก์ฎีกาคัดค้านมานั้นฟังไม่ขึ้น เพราะการที่โจทก์ถูกกักขังก็โดยอำนาจของเจ้าพนักงานตำรวจ ดังฎีกาที่ ๙๑๖-๙๑๗/๒๔๖๗ ส่วนฎีกาของจำเลยก็ฟังไม่ขึ้นดุจกัน เพราะตาม พรบ วิธีพิจารณาความอาชญาใช้ไปพลางก่อน ร.ศ. ๑๑๕ ม.๓๕ ให้อำนาจศาลอุทธรณ์ที่จะเพิ่มหรือลดโทษที่ศาลล่างวางมาได้ จึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์