แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องตัดสินคดี ที่จะลงโทษจำเลยฐานฉ้อได้ต่อเมื่อปรากฏในฟ้องว่าจำเลยได้หลอกลวง
ย่อยาว
ทางพิจารณาได้ความว่าโคของ ล.หายไป ล.วานจำเลยติดตาม จำเลยตามไปพบและจับโคนั้นมา แต่ไม่ส่งแก่ ล. กลับอุบายบอกว่า พ.ลักโคนั้นต่อไปอีก ต้องเสียค่าไถ่ ๑๕ บาทจึงจะได้คืน ล.ให้เงินจำเลยไปจำเลยจึงนำโคมาคืนให้ดังนี้ แต่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักโคนี้ไปและต้องเสียค่าไถ่จึงได้คืนมา ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๙๔
ศาลเดิมฟังว่าจำเลยเปนผู้ร้ายลักโคมีผิดตาม ม.๒๙๔ ให้จำคุก ๑ ปี
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่ได้เปนผู้ร้ายลักโคหรือมีผิดฐานรับของโจร จะมีผิดฐานอื่นก็ไม่ตรงกับฟ้อง จึงตัดสินกลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยควรมีผิดฐานลักทรัพย์ ถ้าเปนความผิดฐานฉ้อโกงศาลก็ลงโทษได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าพิจารณาปรากฏว่าความผิดตามข้อหาโจทก์เปนฉ้อโกง ก็ลงโทษจำเลยได้ตามฎีกาที่ ๕๘๒/๑๓๑ คดีนี้ตามฟ้องโจทก์ว่าจำเลยลักโคแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยลักโคหรือฉ้อโกงโคของ ล.ไปเปนแต่ปรากฏว่าจำเลยมารับเอาเงินค่าไถ่ไปจาก ล. ๑๕ บาท แต่ตามฟ้องโจทก์ก็หาได้กล่าวว่าจำเลยหลอกลวงเอาเงินของ ล.ไปไม่ ซึ่งเปนคนละเรื่องกับข้อหาโจทก์ จะลงโทษจำเลยไม่ได้ จึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์