แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานเบิกความเท็จ+ข้อที่เบิกความไม่ใช่ข้อสำคัญแห่งประเด็นในคดียังไม่มีผิด พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ ม.3 ปัญหาข้อเท็จจริง ว่าเบิกความเป็นข้อสำคัญแห่งคดีหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง อ้างฎีกา 664/2477 สัญญาทางพระราชไมตรีคู่ความเป็นคนในบังคับอังกฤษ+ได้แต่ในปัญหาข้อกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้เบิกความเป็นพะยานต่อศาลในคดีแพ่งที่จำเลยฟ้องโจทก์ว่า “บัญชีมฤดกรายนี้จำเลยทำในภาษากุจาราตี ข้าพเอ่านไม่ออก” “ข้าพเจ้ารู้ภาษากุจาราตี แต่อ่านบัญชีในภาษานั้นไม่ออก ” ซึ่งเป็นประเด็นข้อความสำคัญในคดีโดยจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นเท็จซึ่งโจทก์อาจได้รับความเสียหาย จึงขอให้ลงโทษจำเลย
ศาลเดิมฟังว่าจำเลยจงใจเบิกความเท็จอันเป็นข้อสำคัญในประเด็น จึงพิพากษาให้จำคุก ๓ เดือนแลปรับ ๓๐๐ บาทตามมาตรา ๑๕๕ แต่โทษจำให้รอการลงอาญาไว้
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อที่จำเลยเบิกความไม่ใช่เป็นข้อสำคัญในคดีแลว่าการที่จำเลยให้การว่า “อ่านบัญชีไม่ออก ” นั้น น่าจะหมายความว่า จำเลยอ่านบัญชีกุจาราตีไม่ชำนาญ เพราะจำเลยรับอยู่ว่าจำเลยรู้ภาษานั้นอยู่บ้าง แต่ไม่ละเอียด จะฟังว่าจำเลยจงใจกล่าวเท็จยังไม่ถนัดจึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่า (๑) ที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่าข้อความที่จำเลยเบิกความไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีนั้นไม่ถูก (๒) คำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ซึ่งว่าจำเลยอ่านบัญชีกุจาราตีไม่ออกนั้น เป็นการวินิจฉัยฝืนคำพะยานหลักฐานในสำนวน
ศาลฎีกาเห็นว่าตามฎีกาข้อ ๑ ของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาไม่ได้ ส่วนฎีกาข้อ ๒. เห็นว่าไม่มีข้อความใดที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยอ่านบัญชีภาษากุจาราตีไม่ออก ความจริงศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่จำเลยให้การว่า “อ่านบัญชีไม่ ออก ” นั้น น่าจะหมายความว่าจำเลยอ่านบัญชีภากุจาราตีไม่ชำนาญซึ่งข้อวินิจฉัยนี้ก็มีพะยานหลักฐานในท้องสำนวนสนับสนุน จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์