แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดที่โจทก์ฟ้องนี้รวมอยู่ในความผิดที่ศาลตัดสินลงโทษไปแล้ว ฟ้องแล้วฟ้องอีกได้เพียงไหน กะทงโทษ ศาลตัดสินรวมกันไปก็ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันปลอมหนังสือเบิกความเท็จแลทำพยานเท็จ
ข้อเท็จจริงได้ความว่า คดีนี้ต่อเนื่องมาจากคดีฉ้อโกงยักยอกเข้าการของ ง. ผู้ล้มละลายศาลได้ตัดสินจำคุกจำเลยไปแล้ว แต่ในคดีฉ้อโกงนั้นปรากฏว่าจำเลยทำหนังสือซื้อขายเข้าสารปลอมขึ้นสำหรับต่อสู้ว่าตนไม่ได้ฉ้อโกงแลเบิกความรับรองข้อความในเอกสารนั้น จึงเปนเหตุให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ขึ้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดซึ่งโจทก์ฟ้องในคดีนี้เปนความผิดคนละตอนกับคดีเรื่องฉ้อโกง โจทก์จะฟ้องรวมกันไปหาได้ไม่ (คือศาลต้องตัดสินเรื่องฉ้อโกงเสียก่อนแลจึงจะวินิจฉัยเรื่องปลอมแลเบิกพยานเท็จได้) ฐานพิจารณาได้ความว่า นายหลีเต็กออ นายลิ่มซิวยู้ นายสงวนได้สมคบกันไปหา ง. ขอให้ ง. ทำเอกสารซื้อขายเข้าสารเพื่อเอาไปต่อสู้เจ้าพนักงาน นายสงวนเปนผู้นำเอาตั๋วไปให้ ง. เซ็น แลเปนผู้พูดกับ ง. ว่าจะเอาไปต่อสู้เจ้าพนักงาน จำเลยทั้ง ๓ เปนต้องเปนตัวการฐานปลอมหนังสือ นายหลีเต๊กออมีผิด ๓ กะทง คือ ปลอมหนังสือ เบิกความเท็จแลทำพยานเท็จ นายลิ่มซิวยู้มีความผิด ๒ กะทง ปลอมหนังสือแลเบิกความเท็จส่วนนายสงวนมีความผิดฐานปลอมหนังสือ ให้ลงโทษรวมกันไปคนละ ๖ เดือน