คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อ้างข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าอาการพิการของเจ้าทุกข์เป็นเพราะถูกทำร้ายและอาจพิการไปตลอดชีวิตร์ และทั้งไม่ปรากฏว่าต้องเจ็บทุพพลภาพอยู่ดีวันดังนี้ไม่เรียกว่าบาดแผลสาหัสตาม กฎหมายอาญามาตรา 256

ย่อยาว

คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเอมมือซ้ายกะแทกเข้าที่ใต้นมนายทอง ๆ เช จำเลยเอามือขวาง จำเลยที่กำปืนสั้นอยู่ชกนายทองถูกกกหูขวาล้าสลบไม่รู้สึกตัวอยู่ ณ ที่นั้น นายไวกำนันเอาเปลมาหามนายทองไปส่งโรงพยาบาลหมวดศิลา นายทองมีโลหิตไหลออกจากหูอยู่เรื่อย ๆ จนวันรุ่งขึ้นตอนบ่ายนายทองรู้สึกตัวแต่ยังพูดไม่ได้ นายทองอยู่โรงพยาบาล ๔ วัน ญาติก็รับไปรักษาที่บ้าน นายทองเบิกความเป็นพะยานโจทก์ว่ามีโลหิตไหลออกจากหูประมาณ ๒ กะลา เวลานี้ปากยังใช้เคี้ยวอะไรไม่สะดวก มีอาการบูดเบี้ยว ตาขวากระพริบไม่ลง แต่มองอะไรยังเห็นหูขวาอื้อไม่ได้ยิน และมีนายไวกำนันเบิกความประกอบว่าเดี๋ยวนี้นายทองปากเบี้ยว ตาหุบไม่ลง ซึ่งแต่ก่อนไม่เป็นเช่นนี้
ศาลจังหวัดเห็นว่าาบาดแผลของนายทองเข้าลักษณสาหัสพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๕๖
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าบาดแผลดังกล่าวแล้วจะชี้ขาดว่าเข้าลักษณสาหัสยังไม่ได้ อีกทั้งไม่มีแพทย์ผู้ทรงคุณวิฒิเบิกความรับรองว่าอาการดั่งนี้เป็นเพราะเหตุถูกทำร้ายและเป็นคนพิการตลอดไป จึงพิพากษาแก้ศาลจังหวัด ให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามมาตรา ๒๕๔
โจทก์ฎีกาว่าเป็นบาดแผลสาหัส
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าอาการที่นายทองเป็นดังนั้นเพราะถูกทำร้ายอายุเป็นคนพิการไปจนตลอดชีวิตร์หรือแม้แต่นายทองเจ็บทุพพลภาพอยู่กี่วันก็ไม่ปรากฏดังนี้ ไม่เข้าอยู่ในลักษณบาดแผลสาหัสตามมาตรา ๒๕๖ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share