คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยพูดห้ามพวกเจ้าทรัพย์มิให้ติดตามและชักมีดออกมาถือไว้นั้นถือว่าเป็นการขู่เข็ญจะทำร้ายอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์จำเลยคนหนึ่งขู่เข็ญพวกเจ้าทรัพย์และจำเลยอีกคน หนึ่งจูงกระบือไปโดยความรู้เห็นของจำเลย ผู้ขู่เข็ญดังนี้ถือว่าจำเลยผู้จูงกระบือไปเป็นตัวการฐานชิงทรัพย์ด้วย

ย่อยาว

ได้ความว่า จำเลยสมคบกันลักกระบือของนางสระไป ๒ ตัว ขณะที่จำเลยพากระบือไปนั้นนายอุยพวกเจ้าทรัพย์ตามไปทัน นายอุยจำเลยกำลังจูงกระบือไป นายเลี่ยนจำเลยได้พูดห้ามนายอุยว่าไม่ใช่เรื่องของมึงอย่างเข้ามา และชักมีดที่เหน็บหลังอยู่ออกมาถือไว้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์
ศาลจังหวัดพิษณุโลกเห็นว่าไม่เป็นผิดฐานชิงทรัพย์ให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ตามมาตรา ๒๙๔
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำดังกล่าวแล้วเป็นการเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ว่าเป็นการขู่เข็ญจะทำร้ายอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ด้วยเพราะได้จูงกระบือไปโดยความรู้เห็นของนายเลี่ยมผู้ขู่เข็ญ จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทั้ง ๒ ตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๙๙
นายทวนจำเลยฎีกาศาลฎีกาเห็นว่านายทวน จำเลยเป็นตัวการฐานชิงทรัพย์ด้วยเพราะนายเลี่ยมขู่เข็ญว่าจะทำร้ายและนายทวนก็จูงกระบือไปด้วยความรู้เห็นของนายเลี่ยมโดยทั้ง ๒ ฝ่าย มีความมุ่งหมายที่จะเอาผลประโยชน์อันเกิดแต่การลักทรัพย์ด้วยกัน จึงพิพากษายืน

Share