แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในสมัยการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชนั้นพระราชหัตถเลขาของพระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อน ๆ เมื่อพระเจ้าแผ่นดินองค์หลังได้ทรงแก้ไขเสียแล้วก็ย่อมจะต้องเป็นไปตามที่พระเจ้าแผ่นดินองค์หลังทรงแก้ไข ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชนั้น พระราชกระแสร์สั่งกิจการใดใดของพระเจ้าแผ่นดินย่อมีผลบังคับได้ไม่จำเป็นจะต้องประกาศให้ใช้เสียก่อน
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ความว่าพระพุทธเจ้าหลวงซื้อที่ดินทีทติดต่อวัดโบสถ์เพื่อแบ่งพระราชทานให้แก่จำเลยและคนอื่น ๆ เขตต์ที่ดินที่พระราชทานแก่จำเลยเข้าไปในที่ของวัดโบสถ์ด้วย เมื่อจำเลยนำรังวัดออกโฉนด กรมกัลปนาไม่คัดค้านแต่ได้แจ้งให้แวยยาวัจจกรทราบ ๆ ได้ทูลเกล้า ฯ ให้กรมพระสริศฯ ทรงพิจารณา กรมพระสริศฯ ทรงพิจารณาแล้วถวายความเห็นว่าที่พิพาทเป็นของวัด พระพุทธเจ้าหลวงไม่ได้มีพระราชประสงค์พระราชทานแกดจำเลย สมเด็จพระปกเกล้าฯ มี พระราชหัตถเลขาว่า เห็นชอบตามความเห็นกรมพระนริศฯ และว่าเป็นอันว่าให้จำเลยได้ฉะเพาะแต่ที่มีพระราชประสงค์พระราชทางแต่เดิม ที่พิพาทกันให้เป็นของวัด ให้จำเลยส่งโฉนดมาแก้เสียให้ถูกต้อง
ศาลแพ่งเห็นว่า ลายพระราชหัตถเลขาของพระพุทธเจ้าหลวงประกอบกับแผนที่ท้ายพระราชหัตถ์นั้นมีข้อความชัดเจนพระราชทานที่รายพิพาทให้จำเลยและจำเลยได้รับโฉนดแล้วส่วนลายพระราชหัตถเลขาของพระปกเกล้า ฯ เป็นแต่พระราชมติตามความเห็นของกรมพระนริศฯไม่มีสภาพเป็นกฎหมาย เพราะไม่ได้ประกาศใช้จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พระพุทธเจ้าหลวงไม่ได้มีพระราชประสงค์จะยกที่พิพาทให้จำเลยพระราชกระแสร์ของสมเด็จพระปกเกล้า ฯ เป็นคำสั่งบังคับอัน มีผลใช้ได้แล้ว ที่ศาลแพ่งว่า พระราชกระแสร์นี้ยังไม่ได้ประกาศจึงไม่มีผลบังคับได้นั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในสมัยที่มีการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชไม่มีกฎหมายบังคับว่า พระราชกระแสร์สั่งในกิจการใดใด จะต้องประกาศใช้เสียก่อนจึงจะมีผลใช้บังคับได้ จึงพิพากษาให้จำเลยส่งโฉนดให้เจ้าพนักงานแก้เสียให้ถูกต้อง
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ที่ พิพาทจะอยุ่ในลายพระราชหัตุถ์แลขาและแผนที่พระราชทานให้แก่จำเลย แต่ก็ได้มีพระบรมราชวินิจฉัยของสมเด็จพระปกเกล้าฯ แก้ไขเสียแล้ว ซึ่งในครั้งนั้นพระองค์เป็นพระเจ้าแผ่นดินในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ย่อมมีพระราชอำนาจที่จะบังคับเช่นนั้นได้ จึงพิพากษายืนตาม ศาลอุทธรณ์