แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญายอมความที่ทนายลงนามแทนตัวความโดยมิได้รับอำนาจพิเศษจากตัวคามหาตกเป็นโมฆะเสียเปล่าไปไม่ ตัวความอาจให้ความรับรองในภายหลังได้ แม้ว่าสัญญายอมความที่ศาลได้มีคำพิพากษาท้ายยอมแล้วนั้นจักบกพร่องไม่สมบูรณ์เนื่องจากทนายความลงนามโดยไม่มีอำนาจก็ตามเมื่อตัวความทราบข้อบกพร่องนี้แล้วมิได้ฟ้องอุทธรณ์จนล่วงเวลามาเช่นนี้ต้องถือว่าคำพิพากษาท้ายยอมนั้นถึงที่สุดเด็ดขาดจะรื้อฟื้นขึ้นโต้เถียงอีกมิได้
ย่อยาว
คดีนี้เดิมโจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยที่ ๓ ในระหว่างพิจารณาได้มีสัญญายอมความว่าจำเลยที่ ๓ ยอมใช้เงินให้ภายใน ๔ เดือน หากจำเลยที่ ๓ ไม่ใช้จำเลยที่ ๑ – ๒ จะใช้แทนให้จนครบ ท้ายสัญญายอมความลงชื่อโจทก์จำเลยที่ ๑ นายกิมทนายจำเลยที่ ๒ นายไสว ทนายจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๒ – ๓ ไม่ได้ลงนามทั้งใบ แต่งทนายไม่มีข้อความให้อำนาจทนายยอมความได้ แต่ศาลได้พิพากษาท้ายยอมให้ทนายจำเลยทั้ง ๓ ฟังในวันนั้นแล้ว
จำเลยที่ ๓ ยื่นคำร้องต่ศาลชั้นต้นว่าตนไม่ต้องรับผิดตามสัญญายอมความ เพราะทนายไม่ได้รับอำนาจพิเศษจากจำเลย คำพิพากษาท้ายยอมไม่ผูกพันจำเลยจึงขอให้ศาลสั่งถอนการบังคับตามคำพิพากษาท้ายยอมนั้น
ศาลชั้นต้นและ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ยกคำร้องเสีย
ศาลฎีกาตัดสินว่าสัญญาปราณีประนอมยอมความซึ่งทนายจำเลยที่ ๓ ทำไปเสมือนตัวแทนทำการโดยปราศจากอำนาจ ซึ่งไม่เป็นโมฆะกรรม เพราะตัวการอาจให้สัตยาบันได้ ตาม ประมวลแพ่งฯ มาตรา ๘๒๓ ส่วนข้อเท็จจริงคงฟังได้ตาม ศาลอุทธรณ์ว่าเป็นความประสงค์ของจำเลยที่ ๓ ที่จะปราณีประนอมยอมความมาแต่เริ่มแรก และได้ทำใบมอบอำนาจให้ทนายยอมความไปยื่นต่อศาล หากแต่มิได้ปิดแสตมป์ให้ครบถ้วนจึงไม่สมบูรณ์จึงถือได้ว่ากิจการที่ทนายทำไปจำเลยต้องรับผิดเสมอ กับว่าจำเลยได้ทราบพิจารณานั้นดี แล้วได้ยอมให้ศาลพิพากษา จำเลย มิได้ร้องเรียนอย่างใดจนศาลออกหมายบังคับ เมื่อจำเลยมิได้ฟ้องอุทธรณ์จนพ้นกำหนดตามประมวล วิธีพิจารณาความแพ่ง ม. ๑๓๘ (๒) แล้วคดีย่อมเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามคำพิพากษาท้ายยอม จึงพิพากษายืนตาม ศาลล่างทั้ง ๒