แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทำสัญญาซื้อเครื่องรับส่งวิทยุ วีเอชเอฟ/เอฟเอ็มแบบกระเป๋าหิ้วยี่ห้อเทเลคอมแบบพี 161 จำนวน 21 ชุด จากบริษัทจำเลยมีรายละเอียดดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 ตามสัญญาซื้อขายข้อ 2 มีความว่า “สิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญานี้ผู้ขายจะยอมขายให้ตามราคาดังกล่าวในข้อ 1 และรับรองว่าจะส่งสิ่งของให้เหมือนตามแคตตาลอคและรายละเอียดท้ายสัญญาทุกประการ ฯลฯ” และข้อ 3 มีว่า “ลักษณะของสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญานี้นอกจากให้เหมือนตามรายการละเอียดและแค๊ตตาล๊อกดังกล่าวในข้อ 2 ผู้ขายยอมรับรองอีกว่าเมื่อตรวจทดลองคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ประการหนึ่งประการใดต้องให้เหมือนตามรายการละเอียดทุกประการ” และก่อนทำสัญญาซื้อขายฝ่ายโจทก์จัดให้มีการประกวดราคาระบุแต่ชนิดเครื่องรับส่งวิทยุ วีเอชเอฟ/เอฟเอ็ม แบบกระเป๋าหิ้วจำนวน 21 ชุด ต่อเมื่อบริษัทจำเลยประมูลได้แล้วจึงได้ทำสัญญาซื้อขายหมาย จ.1 ขึ้น และได้กำหนดรายการสิ่งของที่ตกลงจะซื้อขายและแค๊ตตาล๊อกแนบไว้ท้ายสัญญา การซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุรายนี้เป็นการซื้อขายตามเงื่อนไขเรียกประกวดราคาของโจทก์ ไม่ใช่บริษัทจำเลยพรรณนาถึงเครื่องรับส่งวิทยุที่เสนอขายให้โจทก์แล้วโจทก์ยอมรับซื้อ นอกจากนี้การซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุรายนี้บริษัทจำเลยยังกำหนดให้โจทก์ตรวจทดลองคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ให้เหมือนตามรายการละเอียดและชนิดของๆ ที่จะซื้อนั้นก่อนโดยบริษัทจำเลยให้โอกาสโจทก์ตรวจสอบทดลองคุณสมบัติของเครื่องรับส่งวิทยุตามประกาศประกวดราคาของโจทก์ก่อนการส่งมอบว่าตรงตามรายละเอียดและชนิดของเครื่องรับส่งวิทยุที่โจทก์ซื้อหรือไม่ รายการละเอียดและแค๊ตตาล๊อกที่แนบไว้ในสัญญาจึงเป็นรายละเอียดประกอบสัญญาซื้อขายเท่านั้น การซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุดังกล่าวจึงเป็นการซื้อขายธรรมดาหาใช่เป็นการขายตามคำพรรณาไม่ ซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีกำหนดสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้นำเครื่องรับส่งวิทยุมาส่งมอบเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2512 นับถึงวันฟ้องคือวันที่ 23 กันยายน 2517 ยังไม่เกินสิบปีนับแต่วันส่งมอบ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2521)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ตกลงซื้อเครื่องรับส่งวิทยุ วี เอช เอฟ/เอฟ เอ็มแบบกระเป๋าหิ้วยี่ห้อเทเลคอม ฯลฯ จำนวน 21 ชุด เป็นเงิน 80,745 บาทจากจำเลย โดยมีข้อสัญญาปรากฏตามสำเนาสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย 1 ท้ายฟ้องหลังจากทำสัญญาแล้วจำเลยไม่ส่งมอบเครื่องรับส่งวิทยุให้โจทก์ตามกำหนด โดยจำเลยเพิ่งส่งมอบเครื่องรับส่งวิทยุเมื่อพ้นกำหนดไปแล้ว 105 วันเจ้าหน้าที่โจทก์ได้ตรวจสอบทดลอง ปรากฏว่าคุณภาพไม่ถูกต้องตามรายละเอียดในสัญญา ไม่สามารถใช้ในราชการได้ตามต้องการ โจทก์แจ้งให้จำเลยแก้ไขจำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงปฏิเสธไม่ยอมรับเครื่องวิทยุดังกล่าวและถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องชำระค่าปรับให้โจทก์ตามข้อตกลง โจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว และได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้วด้วย จึงขอให้บังคับให้จำเลยชำระค่าปรับให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับใด ๆ จากจำเลยฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าปรับจำนวน20,185 บาท 50 สตางค์แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2511 โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุ ฯลฯ จากบริษัทจำเลยดังเอกสารหมาย จ.1 ตามสัญญาข้อ 2มีความว่า “สิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญานี้ผู้ขายจะยอมขายให้ตามราคาดังกล่าวในข้อ 1 และรับรองว่าจะส่งสิ่งของให้เหมือนตามแค๊ตตาล๊อกและรายละเอียดท้ายสัญญานี้ทุกประการ ฯลฯ” และข้อ 3 มีความว่า “ลักษณะของสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญานี้ นอกจากให้เหมือนตามรายการละเอียดและแค๊ตตาล๊อกดังกล่าวในข้อ 2 ผู้ขายยอมรับรองอีกว่า เมื่อตรวจทดลองคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ประการหนึ่งประการใดต้องให้เหมือนตามรายการละเอียดทุกประการ” และก่อนทำสัญญาซื้อขาย ฝ่ายโจทก์จัดให้มีการประกวดราคาระบุชนิดเครื่องรับส่งวิทยุวี เอช เอฟ/เอฟ เอ็ม แบบกระเป๋าหิ้วจำนวน 21 ชุด ต่อเมื่อบริษัทจำเลยประมูลได้แล้วจึงได้ทำสัญญาซื้อขายหมาย จ.1 ขึ้น และได้กำหนดรายการสิ่งของที่ตกลงจะซื้อขายและแค๊ตตาล๊อกแนบไว้ท้ายสัญญาและวินิจฉัยว่าเมื่อข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าว ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ได้พิเคราะห์สัญญาซื้อขายหมาย จ.1 และข้อเท็จจริงก่อนที่จะทำให้มีการทำสัญญาซื้อขายหมาย จ.1แล้ว เห็นว่าการซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุรายนี้เป็นการซื้อขายตามเงื่อนไขเรียกประกวดราคาของโจทก์ ไม่ใช่บริษัทจำเลยพรรณาถึงเครื่องรับส่งวิทยุเพื่อเสนอขายให้โจทก์ยอมรับซื้อนอกจากนี้ การซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุรายนี้บริษัทจำเลยยังกำหนดให้โจทก์ตรวจทดลองคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ให้เหมือนตามรายการละเอียดและชนิดของ ๆ ที่จะซื้อนั้นก่อน โดยบริษัทจำเลยให้โจทก์ตรวจทดลองคุณสมบัติของเครื่องรับส่งวิทยุตามประกาศประกวดราคาของโจทก์ก่อนการส่งมอบว่า ตรงตามรายละเอียดและชนิดของเครื่องรับส่งวิทยุที่โจทก์ซื้อหรือไม่ รายการละเอียดและแค๊ตตาล๊อกที่แนบไว้ในสัญญาจึงเป็นเพียงรายละเอียดประกอบสัญญาซื้อขายเท่านั้น การซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุดังกล่าวจึงเป็นการซื้อขายธรรมดา หาใช่เป็นการขายตามคำพรรณาไม่ เมื่อฟังว่าสัญญาซื้อหมาย จ.1 ไม่ใช่เป็นการขายตามคำพรรณาและในเรื่องนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีกำหนดสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้นำเครื่องรับส่งวิทยุมาส่งมอบเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2512 นับถึงวันฟ้องคือวันที่ 23 กันยายน 2517ยังไม่เกินสิบปีนับแต่วันส่งมอบ คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน