คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณ แม้จะปรากฏว่า ผู้ให้จะมีบ้านและที่ดินอยู่ จะเรียกว่าไม่ยากไร้ก็ไม่ได้ จะต้องพิจารณาตามฐานานุรูปและพฤติการณ์อื่นประกอบ ผู้ให้มีอายุ 74 ปีแล้ว อาจทำงานเลี้ยงตัวไม่ได้ ซึ่งอาจตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ยากไร้ก็ได้ (ซึ่งศาลจะฟังจากพยานหลักฐานต่อไป)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ยกที่นาส่วนของโจทก์ซึ่งมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้อื่นและที่ดินไร่ รวม ๒ แปลง ให้แก่จำเลยซึ่งเป็นบุตรโดยเสน่หา โดยจำเลยยอมตกลงเลี้ยงดูและให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ตลอดชีวิต เพราะโจทก์ชรามากแล้ว ต่อมาจำเลยได้เอาเกวียนของโจทก์ ๑ เล่มไปขายโดยโจทก์ไม่ยินยอม จำเลยกลับประพฤติเนรคุณต่อโจทก์โดยบอกปัดและไม่ยอมให้สิ่งของเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ตามเคย จึงขอให้จำเลยคืนที่ดินและเกวียนให้โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ไม่ได้ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์และโจทก์ไม่ใช่คนยากไร้ หรือได้รับความเดือดร้อนแต่ประการใด
จึงนัดพร้อม โจทก์แถลงรับว่า นอกจากทรัพย์พิพาท โจทก์ยังมีเรือน ๑ หลัง และที่ดินปลูกเรือน ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงงดสืบพยาน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ลำพังเรือนและที่ดินหาเป็นสิ่งเลี้ยงชีวิตของโจทก์ไม่และอย่างไร เป็นความยากไร้นั้น จะต้องพิจารณาตามฐานานุรูป และพฤติการณ์อื่นประกอบ ไม่ใช่ว่าเมื่อมีทรัพย์สินอันใดอยู่บ้างแล้ว จะเรียกไม่ได้ยากไร้ โจทก์มีอายุ ๗๔ ปีแล้ว อาจทำงานเลี้ยงตัวไม่ได้ ซึ่งอาจตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ยากไร้ก็ได้
พิพากษายืน

Share