แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คำฟ้องโจทก์ที่มีสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้หากไม่ชำระหนี้ก็ให้ยึดทรัพย์สินที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์เป็ฯการฟ้องบังคับจำนองเมื่อสัญญาจำนองไม่มีข้อความว่าหากโจทก์บังคับชำระหนี้เอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้โจทก์ ก็ให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นได้ด้วย ดังนั้นการที่โจทก์บังคับคดีเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้ได้เงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกัน เงินที่ยังขาดจำนวนอยู่โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองได้อีกตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 733.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องบังคับจำนอง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์ หากไม่ชำระให้นำที่ดินที่จำนองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ คดีถึงที่สุดแล้ว ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดี โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินที่จำนองออกขายทอดตลาด แต่ได้เงินไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษาโจทก์ยื่นคำร้องขอบังคับคดีที่ดินแปลงอื่นของจำเลยที่ 2สาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินแปลงดังกล่าว และเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้านว่า โจทก์ฟ้องบังคับจำนองเมื่อขายทอดตลาดทรัพย์จำนองและได้เงินมาไม่พอชำระหนี้จำเลยไม่ต้องรับผิดในส่วนที่ขาดอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 733 ขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งและการบังคับคดีที่ออกเพื่อบังคับจากทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ทรัพย์จำนอง และให้ปล่อยทรัพย์ที่ดินที่ยึด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ที่โจทก์ฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์ขอให้บังคับเรื่องการกู้ยืมเงินและบังคับจำนอง โดยถือหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินโจทก์ประสงค์จะบังคับชำระหนี้โจทก์จึงอาจบังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองที่มิได้จำนองด้วยได้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามคำฟ้องโจทก์แสดงโดยแจ้งชัดถึงสภาพแห่งข้อหาว่า จำเลยทั้งสองนำโฉนดที่ดินเลขที่ 21500 ตำบลสระกะเทียม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม มาจำนองไว้กับโจทก์ จำเลยทั้งสองรับเงินกู้ไปครบถ้วนในวันทำสัญญาจำนอง ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยทั้งสองกู้เงินอีกต่อไป โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้และบังคับจำนองและคำขอบังคับท้ายฟ้องโจทก์ขอว่า หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระเงินให้ยึดที่ดินที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ แสดงว่าโจทก์ฟ้องบังคับจำนองประสงค์จะบังคับคดีเอาจากทรัพย์จำนองเท่านั้นโจทก์จึงนำสืบพยานหลักฐานว่า จำเลยทั้งสองกู้ยืมเงินโจทก์โดยถือหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมด้วยสัญญาดังกล่าวไม่มีข้อความว่าหากโจทก์บังคับชำระหนี้เอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้โจทก์ก็ให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นได้ด้วย ปรากฏตามภาพถ่ายหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเอกสารหมาย จ.2 เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาตามคำขอของโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์บังคับคดีเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้ได้เงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เงินที่ยังขาดจำนวนอยู่นี้โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอทื่นของจำเลทั้งสองได้อีกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 733 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งบังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นและเพิกถอนหมายบังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ทรัพย์จำนอง กับให้ปล่อยทรัพย์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 20877 ที่ยึดไว้ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.