แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้รับโอนทรัพย์จากผู้ล้มละลายโดยสุจริตแต่มิได้เสียสินจ้างยังไม่ถึง 2 ปีใช้ยันแก่เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ไม่ได้ ผู้รับโอนโดยสุจริตและเสียสินจ้างแล้ว ย่อมได้ทรัพย์เปนสิทธิ วิธีพิจารณาแพ่ง ม.3 คู่ความในคดีก่อนกับคดีนี้ไม่ใช่คู่ความเดียวกันแลทั้งไม่ได้รับอำนาจจากคู่ความก่อน ไม่เรียกว่าฟ้องซ้ำคดีเดิม เจ้าพนักงานฟ้องขอให้ทำลายการโอนเปนการฟ้องตามอำนาจใน พ.ร.บ.ล้มละลาย ไม่ใช่รับอำนาจจากเจ้าหนี้ในคดีเดิม มฤดกผัวยกส่วนสมรสของตนให้เมียหาทำให้เมียเปนเจ้าของทรัพย์แต่ผู้เดียวไม่ เมื่ออย่าหรือตายจากกันต้องแบ่งเปนสินสมรสระหว่างผัวเมีย
ย่อยาว
ได้ความว่าที่ดินโฉนดที่ ๕๑๐-๑๗๗๑-๑๗๗๒ พระสุมณฑ์ ฯ กับ ต.สามีภรรยาได้ซื้อไว้ แล้วพระสุมณฑ์ ฯ ได้ถอนชื่อของตนโอนทะเบียนยกส่วนสมรสมให้แก่ ต. ต่อมาพระสุมณฑ์ ฯ ถึงแก่กรรม ต.ได้โอนที่ดินโฉนดที่ ๕๑๐ ยกให้แก่ ส.ร. และโฉนดที่ ๑๗๗๑ ให้แก่ ช. โฉนดที่ ๑๗๗๒ ให้แก่ พ.ป.แล้ว ช.โอนโฉนดที่นั้นให้แก่ ส.ไปอีกทอดหนึ่ง ต่อมา พ.แพ้ความสามี ร. ๆ นำยึดโฉนดที่ ๑๗๗๒ ซึ่ง พ.ป.ได้รับโอนมาจาก ต.ประมูลราคาแบ่งส่วนกัน ป.เปนผู้ประมูลได้และชำระเงินส่วนของ พ.ให้โจทก์ในคดีให้ป.แล้ว ตั้งแต่ ต.โอนที่เหล่านี้ไปยังไม่ถึง ๒ ปี ต.และ พ.ก็ถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลาย เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์จึงขอให้ทำลายการโอนทั้งหมด และเรียกค่าเสียหายด้วย
ศาลแพ่งและศาลอุทธรณ์ตัดสินว่า การที่ ต.โอนยกให้แก่พวกจำเลยซึ่งเปนบุตร์หลานยังไม่ถึง ๒ ปีใช้ยันแก่เจ้าพนักงานไม่ได้ เว้นแต่ที่ดินโฉนดที่ ๑๗๗๒ ซึ่ง ป.ประมูลได้ตามคำสั่งของศาลเปนการสุจริตและเสียสินจ้าง ใช้ยันต่อเจ้าพนักงานได้ จึงให้ทำลายการโอนฉะเพาะโฉนดที่ ๕๑๐ และที่ ๑๗๗๑
ศาลฎีกาเห็นว่าที่ดินเหล่านี้เปนสินสมรสระหว่างพระสุมณฑ์ ฯ กับ ต. เหตุที่พระสุมณฑ์ ฯ โอนทะเบียนยกสมรสให้แก่ ต.นั้นเปนไปในระหว่างผัวเมีย ก็คงเปนสินสมรสอยู่เช่นเดิม ไม่เปลี่ยนสภาพเปนอย่างอื่น และไม่ทำให้ ต.มีกรรมสิทธิเด็ดขาดแต่ผู้เดียว เมื่ออย่าหรือตายจากกันก็ต้องแบ่งสินสมรสตามหลักเกณฑ์แห่งกฎหมายอันว่าด้วยสินสมรส ฉะนั้นจึงให้ขายทอดตลาดที่ดินทั้ง ๓ แปลง ที่ดินโฉนดที่ ๕๑๐-๑๗๗๑ ได้เงินเท่าใดแบ่งออก ๓ ส่วน เปนของพระสุมณฑ์ ฯ ๒ ส่วน ของ ต. ๑ ส่วน ที่ดินโฉนดที่ ๑๗๗๒ ขายได้เท่าใดหักใช้ ป.ซึ่งประมูลไปตามคำสั่งของศาลเสียครึ่งหนึ่งก่อน อีกครึ่งหนึ่งแบ่ง ๓ ส่วน เปนของพระสุมณฑ์ ๒ ส่วน ของ ต.๑ ส่วน ส่วนสมรสของพระสุมณฑ์ ฯ เปนมฤดก ให้แบ่ง ๒ ภาคเปนของ ต.ภาคหนึ่ง อีกภาคหนึ่งได้แก่จำเลยทั้ง ๔ คน ๆ ละเท่า ๆ กัน ทรัพย์ของ ต.ผู้ล้มละลายที่เปนคราวนี้ทั้งหมดมอบให้แก่เจ้าพนักงานไปส่วนข้อที่จำเลยคัดค้านว่าเจ้าพนักงานฟ้องซ้ำคดีที่ศาลตัดสินเด็ดขาดแล้วนั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะคู่ความในคดีนี้กับคดีก่อนไม่ใช่คู่ความเดียวกันและไม่ได้รับมอบอำนาจจากคู่ความคดีก่อน เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ฟ้องโดยอำนาจตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย ไม่ใช่อำนาจเจ้าหนี้ในคดีเดิม จึงไม่เรียกว่าฟ้องซ้ำคดีเดิม