แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
หนังสือค้ำประกันที่จำเลยที่ 2 ทำขึ้นให้ไว้แก่โจทก์มีจำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียวลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน จึงเป็นเพียงหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสอง เท่านั้น มิใช่หนังสือสัญญาค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 อันจะถือเป็นตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามความมุ่งหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 103,104 และ 118 แม้มิได้ปิดอากรแสตมป์ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ ตำแหน่งหัวหน้าเขตการขาย จำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ในวงเงิน 200,000 บาท ระหว่างทำงานจำเลยที่ 1 ได้หลอกลวงเอาสินค้าและเรียกเก็บเงินมัดจำจากลูกค้าตัวแทนจำหน่ายของโจทก์ ซึ่งโจทก์ได้คืนสินค้าและเงินดังกล่าวให้แก่ลูกค้าแล้วคิดเป็นเงิน53,809.30 บาท เบียดบังยักยอกเอาเงินค่าสินค้าที่เรียกเก็บจากลูกค้าแล้วไม่ส่งมอบแก่โจทก์เป็นเงิน 23,199 บาท แอบอ้างลูกค้ารับสินค้าไปเองเป็นเงิน 29,274.03 บาทและค้างชำระค่ารักษาพยาบาลและค่าสินค้าเป็นเงิน 102,113.75 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 208,396.08 บาท โจทก์ได้เลิกจ้างจำเลยที่ 1 ไปแล้ว ขอให้บังคับจำเลยที่ 1ชำระเงินจำนวนดังกล่าว โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิด 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองขาดนัดและขาดนัดพิจารณา
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 208,396.08 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงประการเดียวว่า หนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.5 ซึ่งมิได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ต้องห้ามมิให้ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีหรือไม่ เห็นว่า หนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.5 เป็นเอกสารที่จำเลยที่ 2 ทำขึ้นให้ไว้แก่โจทก์เพื่อแสดงว่าจำเลยที่ 2ตกลงเข้าค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์โดยมีสาระสำคัญว่า หากจำเลยที่ 1 ก่อหนี้สินขึ้นแก่โจทก์หรือกระทำการใด ๆ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยที่ 2 ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายนั้นทั้งหมดภายในวงเงิน 200,000 บาทให้แก่โจทก์และจำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียวลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน จึงเป็นเพียงหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสองเท่านั้น มิใช่หนังสือสัญญาค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 อันจะถือเป็นตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามความมุ่งหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 103,104 และ 118 แต่อย่างใด ดังนั้น แม้หนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.5 จะมิได้ปิดอากรแสตมป์ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้ ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าหนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.5 รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้แล้วพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 นั้น เป็นการไม่ชอบ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ในระหว่างการทำงานจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามหนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.5 ดังกล่าว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้จำนวน 200,000บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง