คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อความที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องที่แพ่งนั้น ย่อมต่างกับฟ้องคดีอาญา เพราะในคดีแพ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบ ฉะนั้นรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำบางอย่าง จึงมิใช่ข้อสำคัญที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่งอย่างที่บังคับไว้ในมาตรา 158 ป.ม.วิ.อาญาในคดีแพ่งมีบทบังคับไว้ในมาตรา 172 ป.ม.วิ.แพ่งแล้ว
โจทก์กล่าวในคำฟ้องได้ความว่า เมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือน มีนาคม 2489 จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์ บัดนี้ถึงกำหนดโอนกันแล้ว จำเลยกลับบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายที่นาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยฐานผิดสัญญาไม่ขายที่ดินให้โจทก์ ขอให้บังคับให้จำเลยขาย มิฉะนั้นก็ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ จำเลยให้การทั้งมีข้อต่อสู้และข้อตัดฟ้อง และยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อตัดฟ้องเสียก่อนตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๒๔ ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องใช้ได้ ไม่เคลือบคลุม ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อความที่จะกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่งย่อมต่างกับคดีอาญา เพราะคดีแพ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่และความรับผิด ฉะนั้นรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำบางประการ จึงมิใช่ข้อสำคัญที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่งอย่างเช่นที่บังคับไว้ในมาตรา ๑๕๘ ป.ม.วิ.อาญา ในคดีแพ่งมีบทบังคับไว้ใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๗๒ แล้ว ในคดีนี้คำฟ้องได้ความว่า เมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือนมีนาคม ๒๔๘๙ จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์บัดนี้ถึงกำหนดที่ตกลงโอนกันแล้ว จำเลยบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายนาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็คือ สัญญาที่ได้เกิดมีขึ้นในราวเดือนมีนาคม ซึ่งโจทก์จำวันเวลาไม่ได้ และบัดนี้ฝ่ายจำเลยผิดนัดในการชำระหนี้ตามสัญญานั้นแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
ส่วนประเด็นในการนำสืบจะเป็นอย่างไร และโจทก์จะนำสืบได้เพียงใด จึงจะไม่เป็นการนอกฟ้องเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะยกฟ้องโจทก์เสียโดยถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะไม่ระบุวันเดือนปีแห่งการที่เกิดเป็นสัญญา หรือวันเดือนปีที่หนี้ถึงกำหนดชำระนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย เพราะในคดีแห่งที่เกี่ยวด้วยนิติกรรมและหนี้ในบางกรณีนี้ ยากที่จะกล่าวล่วงหน้าได้ว่าหนี้ได้เกิดขึ้นในวันเดือนใด ด้วยเหตุว่าการกระทำที่ก่อให้เกิดนิติสัมพันธ์อาจจะต่อเนื่องกันหลาย ๆ คราว และวันถึงกำหนดชำระหนี้ อาจจะต้องดูระยะเวลาอันสมควร พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น

Share