คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดภายในเวลา (15วัน) ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 นั้นมาตรานี้เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งจำหน่าย โจทก์ยื่นคำขอเรื่องขาดนัดได้
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่งและส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ กั้นรั้วลวดหนาม ปลูกต้นไม้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365(2), 83, 91 และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและต้นไม้ที่ปลูกขึ้นทั้งหมดออกจากที่ดินของโจทก์ หากขัดขืนให้โจทก์รื้อถอนเองโดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย และห้ามจำเลยกับบริวารไม่ให้เข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีก

ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งประทับฟ้องไว้พิจารณา

จำเลยให้การปฏิเสธส่วนอาญาและขาดนัดยื่นคำให้การคดีส่วนแพ่ง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยได้เข้าไปทำรั้วและปลูกต้นกล้วยในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์จริง แต่จำเลยทำเช่นนั้นเพราะเข้าใจว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตที่ดินของบิดาจำเลยถือว่าไม่มีเจตนากระทำผิด ยกฟ้องคดีส่วนอาญาและพิพากษาคดีส่วนแพ่งว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง กับให้จำเลยร่วมกันรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท หากไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์รื้อถอนได้เอง โดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาในคดีส่วนแพ่ง

ศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นไม่สั่งจำหน่ายคดีส่วนแพ่ง เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดภายในเวลาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 จึงเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความนั้นเห็นว่ามาตรานี้เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจจำหน่าย ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งจำหน่ายโจทก์ยื่นคำขอเรื่องขาดนัดโดยขอช้าไป 1 วัน ศาลชั้นต้นไม่จำหน่ายนั้นชอบแล้ว

ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นพิจารณาคดีแพ่งโจทก์จึงไม่มีสิทธิสืบพยานในส่วนคดีแพ่งนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีอาญากับคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกัน โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานมาแล้วในสำนวนคดีนี้โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่งและส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share