คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สมรสก่อนใช้ ป.พ.พ.บรรพ 5 ขณะจะขาดจากการสมรสใช้ ป.พ.พ.บรรพ 5 แล้ว เหตุที่จะขาดจากการสมรสต้องใช้ ป.พ.พ.บรรพ 5 บังคับและการที่สามีภริยามาร้างกันระหว่างใช้ ป.พ.พ.บรรพ 5 สามีขายทรัพย์สินสมรสไปแล้วซื้อทรัพย์อื่นมาแทน ทรัพย์นั้นก็ต้องเป็นสินสมรส แต่ทรัพย์ที่สามีหาได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส
ในชั้นฎีกา ผู้ฎีกาต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องในชั้นฎีกา ถ้าทรัพย์ที่เรียกร้องมีหลายอย่างตีราคารวมกันมา แต่ผู้ฎีกา ๆ เฉพาะทรัพย์บางอย่าง การคำนวณค่าขึ้นศาลศาลควรจัดการตีราคาทรัพย์แยกจากกันก่อน แล้วจึงเรียกค่าขึ้นศาล

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาจำเลยก่อนใช้ ป.พ.พ.บรรพ ๕ เกิดบุตร ๖ คน โจทก์มีสินเดิมเงินสด ๓๐ บาท จำเลยไม่มีอะไร เกิดสินสมรสคือที่บ้าน ๑ แปลง เรือนพร้อมครัว ๑ หลัง ยุ้ง ๑ หลัง ราคาประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาทและจักรยาน ๑ คัน ราคา ๔๐๐ บาท เกวียนพร้อมโค ๑ คู่ราคา ๒,๘๐๐ บาท เงินสดฝากคนอื่นไว้ ๒๐,๐๐๐ บาท เมื่อ ๘ +มานี้จำเลยบังอาจหมิ่นประมาทด่าบิดามารดาโจทก์ ทำร้ายโจทก์ ขับไล่โจทก์และบุตรออกจากบ้านไปอาศัยคนอื่นอยู่ แรก ๆ จำเลยยังส่งเสียให้การศึกษาบุตร ต่อมาเพิกเฉย และรับภรรยาใหม่ โจทก์จึงฟ้องขอหย่า แบ่งสินสมรสและให้โจทก์เป็นผู้ปกครองบุตร ให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
จำเลยให้การว่า โจทก์หนีไปอยู่ที่อื่น จึงถือว่าโจทก์หย่าขาดจากจำเลย โจทก์จำเลยมีบุตรด้วยกันเพียง ๕ คน โจทก์ไม่มีสินเดิม ส่วนจำเลยมีสินเดิม ซึ่งที่บ้านเป็นสินเดิมด้วย ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันจำเลยปลูกบ้าน ๑ หลัง แต่ขายแล้ว ส่วนทรัพย์สินอื่นตามที่โจทก์อ้างไม่มี ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรมากเกินสมควร
นางยอดเรือนร้องสอด เป็นจำเลยร่วมอ้างว่าเรือนพร้อมครัว ๑ หลัง ยุ้ง ๑ หลังเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับผู้ร้องสอดโจทก์ไม่มีสิทธิขอแบ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดกัน ที่บ้าน ๑ แปลง เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลยให้แบ่ง ๓ ส่วน โจทก์ได้ ๑ ส่วน จำเลยได้ ๒ ส่วน เรือนและยุ้งจำเลยกับนางยอดเรือนถือกรรมสิทธิ์คนละครึ่ง ส่วนของจำเลยเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลย ให้แบ่ง ๓ ส่วน โจทก์ได้ ๑ ส่วน จำเลยได้ ๒ ส่วน การแบ่งไม่ตกลงให้ประมูลหรือขายทอดตลาดแบ่งเงินกัน ให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตร หากไม่ประสงค์เช่นนี้ ให้โจทก์ปกครองและให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเดือนละ ๑๕๐ บาท จนกว่าบุตรบรรลุนิติภาวะ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยทะเลาะวิวาทกัน โจทก์แยกไปอยู่ที่อื่น ขณะนั้นเป็นเวลาที่ ป.พ.พ.บรรพ ๕ ใช้บังคับแล้วเหตุที่จะขาดจากสามีภรรยาจึงต้องใช้ ป.พ.พ. บรรพ ๕ เมื่อโจทก์ร้างไปแล้ว จำเลยขายที่ดินสินสมรสแล้วนำเงินไปซื้อที่ดินพิพาทแทนมา ที่ดินพิพาทก็ต้องเป็นสินสมรส ส่วนเรือนและยุ้ง จำเลยและนางยอดเรือนช่วยกันปลูก จึงเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาระหว่างโจทก์จำเลยร้างกัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอแบ่งเป็นสินสมรส และเรื่องค่าขึ้นศาลจำเลยจะพึงชำระต้องถือตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี พิพากษาแก้ไม่ให้แบ่งส่วนสินสมรสจากเรือนและยุ้งให้โจทก์ และคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่จำเลยเสียเกินมา

Share