คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลว่าจำเลยยอมยกห้องแถว 2 ชั้นของจำเลย ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโฉนดที่ 2649 ของโจทก์ ให้แก่โจทก์ และโจทก์ยอมจะให้จำเลยเช่าต่อไปโดยกำหนดเวลาเช่า สุดแต่จะตกลงกันเอง เมื่อปรากฏว่าโจทก์จำเลยตกลงกันไม่ได้ ในเรื่องกำหนดเวลาเช่าจนเวลาล่วงเลยมาเกือบ 3 ปีนับแต่ทำยอมกัน ทั้งจำเลยไม่เคยชำระค่าเช่าดังนี้ ถือว่าไม่มีสัญญาเช่าต่อกัน จำเลยไม่มีสิทธิจะอยู่ในบ้านนั้นต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2494 จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลในคดีแพ่งแดงที่ 1009/2494 ว่าจำเลยยอมยกห้องแถว 2 ชั้นเลขที่ 182/2 ของจำเลยซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโฉนดที่ 2649 ของโจทก์ให้แก่โจทก์ จะไปทำหนังสือโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ภายใน 1 เดือนแล้วโจทก์ยอมจะให้จำเลยเช่าต่อไปโดยกำหนดเวลาเช่าสุดแต่จะตกลงกันเองในอัตราค่าเช่าเดือนละ 80 บาท โจทก์จำเลยจะได้ทำสัญญาเช่าต่อกันภายใน 1 เดือน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมต่อมาจำเลยเพิ่งได้ทำสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ที่ห้องแถวให้เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2494 ส่วนคนเช่าโจทก์พยายามเตือนให้จำเลยมาทำสัญญา โดยโจทก์จะยอมให้เช่า 1 ปีนับแต่วันโอนกรรมสิทธิ์ห้องแถวซึ่งเป็นการผ่อนผันให้จำเลยแล้ว แต่จำเลยไม่มาทำสัญญาเช่าทั้งค่าเช่าเดือนละ 80 บาทจำเลยก็ไม่ชำระ โจทก์ให้ทนายเตือนไปจำเลยให้ทนายมาติดต่อว่าจะมาทำสัญญาแล้วก็หามาทำไม่ ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้ส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ในสภาพอันดี

จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาประนีประนอมกับโจทก์จริง แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาเช่า เพราะโจทก์ จะให้เช่าเพียง 1 ปี แต่จำเลยขอร้องให้เป็น 3 ปี หรือ 2 ปี ครั้งสุดท้ายจำเลยยอมจะเช่า 1 ปี แต่ขอให้นับแต่วันทำสัญญาเช่า แต่โจทก์ไม่ยอม

ในวันพิจารณาคู่ความรับกันว่า เมื่อทำสัญญาประนีประนอมแล้วโจทก์จำเลยได้เจรจาเพื่อจะทำสัญญาเช่ากัน โจทก์จะให้เช่าเพียง 1 ปีแต่จำเลยจะขอเช่า 2 หรือ 3 ปี จึงไม่ได้ทำสัญญากัน ต่อมาฝ่ายจำเลยยอมทำสัญญาเช่า 1 ปีแต่ขอให้นับวันทำสัญญาเป็นต้นไป แต่โจทก์จะให้นับแต่วันจำเลยโอนห้องให้ จึงยังมิได้ทำสัญญาเช่ากันจนโจทก์มาฟ้อง และจำเลยยังไม่ได้ชำระค่าเช่าจริง

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยว่าเมื่อโจทก์จำเลยไม่ตกลงทำสัญญาเช่ากัน เพราะเกี่ยงกำหนดเวลากันอยู่ จึงถือว่าไม่มีสัญญาเช่าต่อกัน พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกจากห้องพิพาทภายใน 20 วัน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาข้อ 2(1) เป็นฎีกาคำพิพากษาของศาลแพ่งไม่รับ นอกนั้นรับ

ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในข้อ 2(2) ซึ่งจำเลยคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีนอกสัญญายอม โดยวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิกำหนดเวลาเช่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้สัญญายอมจะไม่มีข้อความดังจำเลยกล่าวก็ดี แต่ก็หาช่วยให้คดีของจำเลยดีขึ้นไม่เมื่อปรากฏว่าโจทก์จำเลยตกลงวันกำหนดเวลาการเช่าไม่ได้จนล่วงพ้นมาเกือบ 3 ปีแล้วก็เป็นเรื่องที่ต้องถือว่าไม่มีการเช่าต่อกัน ทั้งจำเลยไม่ได้เสียค่าเช่ามาเกือบ3 ปีแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิจะอยู่ในบ้านนั้นต่อไปไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องผิดสัญญากันหรือไม่

พิพากษายืน

Share