คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9839/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งรับผิดค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 99 วรรคหนึ่ง นั้น เป็นการฟ้องให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งรับผิดในทางแพ่งที่มีเหตุมาจากที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งฝ่าฝืนมาตรา 57 จนเป็นเหตุให้คณะกรรมการเลือกตั้งมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและให้เลือกตั้งใหม่ตามมาตรา 97 วรรคหนึ่ง หากแปลความมาตรา 99 วรรคหนึ่ง ว่าผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งต้องรับผิดเด็ดขาดโดยไม่คำนึงถึงเหตุที่นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ว่าเกิดจากการกระทำของผู้นั้นหรือไม่ ย่อมเป็นการใช้กฎหมายที่ไม่คำนึงถึงความถูกต้อง เมื่อจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธความรับผิดและต่อสู้ว่าทั้งสองไม่เคยให้เงินหรือทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้บุคคลใดมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง คดีจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อมาตรา 57 จนเป็นเหตุให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ จำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธินำสืบปฏิเสธความรับผิดตามประเด็นตามคำให้การได้ การที่จำเลยทั้งสองนำสืบโดยอ้างคำพิพากษาในคดีอาญาจึงเป็นการนำสืบปฏิเสธความรับผิดตามประเด็นที่จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ไว้ และศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวประกอบการพิจารณาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 160,669.18 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงิน 160,699.18 บาท แก่เทศบาลตำบลหนองเรือ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 15 กันยายน 2554) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2546 ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลหนองเรือ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล 2 เขตเลือกตั้ง ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2546 จำเลยทั้งสองเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลหนองเรือ เขตเลือกตั้งที่ 2 จำเลยที่ 1 เป็นผู้สมัครหมายเลข 1 จำเลยที่ 2 เป็นผู้สมัครหมายเลข 3 ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า จำเลยทั้งสองเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลหนองเรือ ต่อมามีผู้ร้องเรียนว่า ก่อนการเลือกตั้งจำเลยที่ 1 มอบเงิน 1,000 บาท ให้แก่นางสาวมะลิลาพร และจำเลยที่ 2 เสนอให้เงิน 1,000 บาท แก่นายทองพูน ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลยทั้งสอง โจทก์พิจารณาคำร้องเรียนแล้วเห็นว่าจำเลยทั้งสองกระทำการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลยทั้งสอง ซึ่งการกระทำของจำเลยทั้งสองมีผลให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลหนองเรือ เขตเลือกตั้งที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยทั้งสองมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จึงมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยทั้งสองเป็นเวลา 1 ปี และให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลหนองเรือ เขตเลือกตั้งที่ 2 ใหม่ โดยให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายตามจำนวนที่ไม่เกินค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ต่อมาวันที่ 28 ธันวาคม 2546 ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลหนองเรือได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลหนองเรือใหม่ และพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลจังหวัดขอนแก่นในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสอง คดีถึงที่สุดแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองต้องรับผิดชดใช้เงินค่าเสียหายตามฟ้องแก่โจทก์หรือไม่ โดยจำเลยทั้งสองฎีกาโต้แย้งว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา และคดีในส่วนอาญาศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโจทก์คดีถึงที่สุดแล้ว ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งศาลจึงต้องถือเอาข้อเท็จจริงที่ยุติในคดีอาญาเป็นข้อพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดคดีนี้ เห็นว่า การฟ้องผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งให้รับผิดค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งใหม่ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 99 วรรคหนึ่ง นั้น เป็นการฟ้องให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งรับผิดในทางแพ่งที่มีเหตุมาจากการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งฝ่าฝืนมาตรา 57 จนเป็นเหตุให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและให้เลือกตั้งใหม่ตามมาตรา 97 วรรคหนึ่ง หากแปลความมาตรา 99 วรรคหนึ่ง ว่าผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งต้องรับผิดเด็ดขาดโดยไม่คำนึงถึงเหตุที่นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ว่าเกิดจากการกระทำของผู้นั้นหรือไม่ ย่อมเป็นการใช้กฎหมายที่ไม่คำนึงถึงความถูกต้อง เมื่อจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธความรับผิดและต่อสู้ว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยให้เงินหรือทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้บุคคลใดมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่จำเลยทั้งสอง คดีจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อ มาตรา 57 จนเป็นเหตุให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ จำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธินำสืบปฏิเสธความรับผิดตามประเด็นในคำให้การได้ การที่จำเลยทั้งสองนำสืบโดยอ้างคำพิพากษาในคดีอาญาจึงเป็นการนำสืบปฏิเสธความรับผิดตามประเด็นที่จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ไว้ และศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวประกอบการพิจารณาได้ แต่พยานหลักฐานดังกล่าวจะมีน้ำหนักให้รับฟังหรือไม่เพียงใดนั้น เป็นกรณีที่ต้องพิจารณาตามหลักเรื่องภาระการพิสูจน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84/1 ซึ่งในคดีนี้เมื่อจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธความรับผิด ภาระในการพิสูจน์จึงตกอยู่แก่ฝ่ายโจทก์ แต่ในการพิจารณา โจทก์คงมีเพียงนายบุญยงค์ พนักงานเทศบาลตำบลหนองเรือ ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องคดีนี้มาเบิกความเป็นพยาน โดยที่นายบุญยงค์มิได้มีความเกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในคดีนี้ เพราะพยานเพิ่งย้ายมารับราชการหลังจากเกิดเหตุคดีนี้แล้ว ในส่วนของพยานปากนางสาวมะลิลาพร และนายทองพูน ซึ่งเป็นบุคคลที่โจทก์อ้างว่าได้รับเงินจากจำเลยทั้งสอง โจทก์มิได้ตัวมาเบิกความเป็นพยาน คงส่งอ้างบันทึกปากคำที่พยานทั้งสองเคยให้การไว้ต่อคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนเป็นพยาน แม้กระทั่งคณะอนุกรรมการไต่สวนพยานทั้งสองโจทก์ก็มิได้นำมาเบิกความประกอบแต่อย่างใด พยานเอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่าซึ่งโดยลำพังต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95/1 เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาเบิกความสนับสนุนจึงไม่มีน้ำหนักในการรับฟังว่าจำเลยทั้งสองกระทำการฝ่าฝืนต่อ มาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แก่โจทก์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share