แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องของจำเลยที่ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ มีใจความว่าทนายจำเลยพิมพ์อุทธรณ์ไม่ทัน เนื่องจากติดว่าความที่ศาลจังหวัดนครปฐมในตอนเช้า และกลับมาพิมพ์อุทธรณ์ในตอนบ่าย แล้วมายื่นต่อศาลไม่ทันเนื่องจากจราจรติดขัด เพราะนักศึกษาเดินขบวน ดังนี้ ไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 จะยกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์หาได้ไม่
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากเรือของจำเลยที่ ๑ ชนสะพานเทพหัสดินของโจทก์เสียหาย จำเลยทั้งสามให้การว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นเจ้าของเรือลำพิพาท จำเลยทั้งสามไม่ได้ประมาทให้เรือชนสะพานของโจทก์ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๒๓ ครบกำหนดอุทธรณ์วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ ซึ่งตรงกับวันเสาร์รุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์หยุดราชการวันสุดท้ายที่จำเลยจะยื่นอุทธรณ์ได้คือวันจันทร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ ซึ่งเป็นวันเปิดทำราชการ แต่จำเลยทั้งสามมิได้ยื่นภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
ครั้นวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องว่า ระหว่างพิจารณาของศาลแพ่ง จำเลยที่ ๑ จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนผู้จัดการผู้จัดการคนใหม่เพิ่งทราบว่าจำเลยที่ ๑ แพ้คดีโจทก์เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ จึงมอบคดีให้นายสมพงศ์เป็นทนายจำเลยทั้งสาม ในวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ นาฬิกา และต้องยื่นอุทธรณ์ภายในวันจันทร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ แต่ทนายจำเลยติดว่าความที่ศาลจังหวัดนครปฐมในตอนเช้าทนายจำเลยกลับมาพิมพ์อุทธรณ์ที่เตรียมเสร็จเมื่อคืนวันอาทิตย์เพื่อยื่นต่อศาลแพ่งในตอนบ่าย แต่รถยนต์ของทนายเกิดเสียระหว่างทางทนายจำเลยกลับมาพิมพ์อุทธรณ์คำสั่งจะเสร็จได้มอบให้ทนายความในสำนักเดียวกันนำค่าฤชาธรรมเนียมไปวางต่อศาลแพ่ง พอพิมพ์อุทธรณ์เสร็จก็จะนำไปยื่นต่อศาลแพ่ง แต่การจราจรติดขัดเพราะนักศึกษาเดินขบวน ทนายจำเลยเดินทางมาถึงศาลแพ่งเวลา ๑๖.๔๕ นาฬิกา จึงไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัย ขอให้ศาลสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยจะยื่นคำร้องขอขยายเวลาอุทธรณ์ได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ และยื่นมาก่อนสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์เว้นแต่กรณีที่มีเหตุสุดวิสัยตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๓ ตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวข้างต้นศาลฎีกาเห็นว่าทนายจำเลยมีเวลาทำอุทธรณ์ถึง ๒ วัน คือวันที่ ๒๒ และ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ ควรจะให้เสร็จเรียบร้อยถ้ามายื่นต่อศาลในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ ด้วยตนเอง ไม่ได้ก็ให้ตัวความหรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นมายื่นแทนภายในกำหนดอุทธรณ์ได้แต่หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นความผิดของทนายจำเลยเองมิใช่พฤติการณ์พิเศษที่จะยกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่ากรณีมีเหตุสุดวิสัยที่จำเลยสามารถยื่นคำร้องภายหลังจากที่พ้นระยะเวลาอุทธรณ์แล้วได้หรือไม่
พิพากษายืน