แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า ‘จ. กับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงจ้างและรับจ้างทำการขนปอฟอกจากโกดังไปยังเรือเดินสมุทร โดยความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ในเรือฉลอมได้ทำให้เกิดเพลิงไหม้ปอฟอก จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นนายจ้างและลูกจ้างผู้ควบคุมเรือต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายของปอ’ ดังนี้ เป็นฟ้องที่มีข้ออ้างให้จำเลยต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 เท่านั้น ไม่มีข้ออ้างให้จำเลยต้องรับผิดตามมาตรา 616 ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของเรือฉลอม และเป็นนายจ้างจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ควบคุมเรือ จำเลยที่ 1 ตกลงรับจ้างทำการขนปอจากโกดังไปยังเรือเดินสมุทรเพื่อขนถ่ายขึ้นเรือโดยความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างจำเลยที่ 1 ในเรือฉลอมทำให้เกิดเพลิงไหม้ปอจนหมด โจทก์ได้จ่ายเงินค่าปอให้แก่เจ้าของปอไปแล้ว จึงเข้าเป็นผู้รับช่วงสิทธิขอไล่เบี้ยเอาจากจำเลย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินที่โจทก์ต้องจ่ายไป
จำเลยให้การต่อสู้หลายอย่าง รวมทั้งต่อสู้ว่าปอลุกไหม้ขึ้นเองเนื่องจากเหตุสุดวิสัยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ฟ้องโจทก์บรรยายว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลจินหลีฮงเทรดดิ้งกับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงจ้างและรับจ้างทำการขนสินค้าปอฟอก…..จากโกดัง…ไปยังเรือเดินสมุทร…..เพื่อขนถ่ายขึ้นเรือส่งไปยังต่างประเทศ…..โดยความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างของจำเลยที่ 1ในเรือฉลอม ได้ทำให้เกิดเพลิงไหม้สินค้าปอฟอก…..จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นนายจ้างและลูกจ้างผู้ควบคุมเรือจะต้องร่วมกันรับผิดในสินค้าปอฟอกเสียหายครั้งนี้…..” ฟ้องโจทก์ดังกล่าวมีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา คือ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ในฐานนายจ้างกับลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 เท่านั้น หาได้มีข้ออ้างให้จำเลยต้องรับผิดตามมาตรา 616 ด้วยแต่อย่างใดไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่า การรับขนส่งเพื่อบำเหน็จเป็นทางค้าปกติของจำเลยที่ 1 เพราะเป็นข้อที่จะต้องนำสืบภายหลังนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความดังกล่าวเป็นสภาพแห่งข้อหาและเป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา โจทก์จึงต้องแสดงโดยแจ้งชัดไว้ในคำฟ้อง มิฉะนั้นโจทก์ย่อมไม่มีประเด็นนำสืบในความข้อนี้ และวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ไฟอาจไหม้ขึ้นโดยมิใช่เกิดจากความประมาทของคนในเรือ
จึงพิพากษายืน