แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข่มขืนกระทำชำเราในห้องปิดประตู ไม่เป็นการต่อหน้าธาระกำนัล
พฤตติการณ์ที่ถือว่าการฉุดคร่าและการข่มขืนกระทำชำเราเป็นความผิดคนละกะทง
คดีอาญาซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวนั้น เมื่ออัยยการเป็นผู้ฟ้อง ในฟ้องนั้นต้องบรรยายมาด้วยว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ขอให้นำคดีนั้นว่ากล่าวแล้ว มิฉะนั้นศาลจะรับพิจารณาในความใดต่อส่วนตัวนี้มิได้
อ้างฎีกาที่ 1212/2480
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยสมคบกันฉุดคร่านางสาวเปี่ยมไปเพื่อการอนาจาร แล้วนำไปบ้านผู้อื่น และนายแม็งจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราเจ้าทุกข์ในห้องบ้านนั้นโดยปิดประตู
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทุกคนฐานฉุดคร่าอนาจารตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖,๖๓ กะทงหนึ่ง และฉะเพาะนายแม็งจำเลยให้ลงโทษจำคุกฐานข่มขืนกระทำชำเราตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๔๓ อีกกะทงหนึ่ง และเพิ่มโทษนายแม็งตามกฎหมายอาญามาตรา ๗๒ ด้วย
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงยืนตามศาลชั้นต้น แต่ในข้อกฎหมายเห็นว่า ความผิดฐานข่มขืนทำชำเรานั้น โจทก์มิได้บรรยายมาในฟ้องว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ จึงแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ให้จำคุกนายแม็งแต่เพียงตามมาตรา ๒๗๖,๗๒ นอกนั้นยืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าการฉุดคร่าและการกระทำชำเราเป็นความผิดคนละกะทง และการกระทำชำเราไม่เป็นการต่อหน้าธาระกำนัลจึงเป็นความผิดส่วนตัว และคดีความผิดต่อส่วนตัวนั้นพนักงานอัยยการโจทก์จำต้องกล่าวมาในฟ้องโดยชัดเจนว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ขอให้นำคดีขึ้นว่ากล่าวแล้ว เมื่อมิได้บรรยายฟ้องดังกล่าวนี้ ศาลจะรับพิจารณาฐานความผิดต่อส่วนตัวมิได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฎีกาโจทก์