แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หลอกลวงเด็กหญิงอายุพึ่งย่างเข้า 14 ปีไปเพื่ออนาจารหากำไรถึงเด็กจะยินยอมด้วยก็มีผิดตามมาตรา 275 วิธีพิจารณาอาญา ความผิดในเรื่องเดียวกันในคดีก่อนที่ฟ้องคนหนึ่งไม่ได้กล่าวว่าจำเลยในคดีนี้สมคบกับจำเลยในคดีก่อนนั้น ไม่เปนข้อสำคัญในการที่โจทก์ฟ้องคดีหลังนี้ เทียบฎีกาที่ 579/72
ย่อยาว
ได้ความว่าเด็กหญิง ช.อายุพึ่งย่างเข้า ๑๔ ปี ถูกจำเลยกับสามีที่ศาลตัดสินลงโทษไปแล้วพาไปโดยความเต็มใจของ ช.เอง จำเลยกับสามีพา ช.ไปฝากไว้ที่บ้านผู้มีชื่อ สามีจำเลยเข้าร่วมประเวณีกับ ช.จนสำเร็จแล้วก็ทิ้งไว้ต่อมาอีกหลายวันสามีจำเลยได้มาเอาสายสร้อยข้อมือของ ช.ไป ๒ สายดังนี้ โจทก์จึงขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๒๗๔-๒๗๕-๒๗๖
ศาลเดิมตัดสินว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๒๗๖ ให้จำคุก ๑ ปี
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเด็กหญิง ช.เบิกความแตกต่างกับสำนวนที่เปนพะยานในคดีที่สามีจำเลยถูกฟ้อง ไม่น่าเชื่อเปนความจริง จึงตัดสินกลับให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีก่อน ช.เบิกความว่ามากับจำเลย พบสามีจำเลยอยู่ในเรือเมล์แล้วมาในคดีนี้ว่าสามีจำเลยเปนผู้แจวเรือจ้างไปส่งลงเรือเมล์นั้น เปนแต่พลความ ส่วนข้อสำคัญที่ ช.เบิกความในคดีก่อนและคดีนี้ฟังได้ว่า จำเลยพูดหลอกลวง ช.ว่าจะพาไปหาพี่สาว และข้อที่ว่าในคดีก่อนที่สามีจำเลยถูกฟ้องไม่ได้กล่าวว่าจำเลยสมคบกันนั้น ไม่เปนข้อสำคัญที่โจทก์จะฟ้องจำเลยในคดีนี้ใหม่อีกสำนวนหนึ่ง จึงตัดสินกลับศาลอุทธรณ์ว่า ตามกิริยาที่จำเลยกระทำแก่ ช.แสดงชัดว่าเพื่อเจตนาจะหากำไรและเพื่ออนาจาร ถึง ช.จะเต็มใจไปด้วยกับจำเลย ๆ ก็ต้องมีผิดตาม ม.๒๗๕ ให้จำคุก ๑ ปี