คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2529

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยร่วมรู้เห็นมาก่อนว่า ช. จะไปยิงผู้เสียหายจำเลยร่วมไปกับ ช.เป็นการให้กำลังใจเมื่อช.ยิงผู้เสียหายแล้ว จำเลยแสดงตัวเป็นพวก ช. ทันที โดยร้องห้ามคนอื่นไม่ให้เข้าไปช่วยผู้เสียหายเป็นการแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่า ช. ไม่ได้มาคนเดียวแล้วจำเลยกับ ช.หลบหนีไปพร้อมกัน ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยร่วมกับ ช.ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายจำเลยเป็นตัวการตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83 จำคุก 10 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายปลอม เพ็งผอม ผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกผู้เสียหายแต่ไม่ถึงแก่ความตาย เพียงได้รับบาดเจ็บตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องคดีมีปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดดังฟ้องหรือไม่นายปลอบผู้เสียหายว่า ขณะผู้เสียหายกับพวก 4-5 คน นั่งดื่มสุราอยู่เห็นจำเลยนี้กับนายชิ้มเข้ามายืนที่หน้าต่างนอกบ้านหน้าต่างสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร นายชิ้มได้ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่หน้าท้องด้านซ้ายและแขนซ้าย จำเลยถือปืนจ้องไปทางผู้ที่อยู่ใกล้ ๆ ผู้เสียหายและพูดว่าอย่าเข้าไป ร้อยตำรวจตรีสุวัฒน์ผู้สอบสวนคดีนี้ว่าผู้เสียหายไปแจ้งความว่า นายชิ้มเป็นคนยิง จำเลยเป็นคนห้ามไม่ให้คนนอกเข้าไปช่วยนายปลื้ม นายยกต่างก็ให้การในชั้นสอบสวนทำนองเดียวกันว่าจำเลยยืนอยู่ใกล้ ๆ นายชิ้มเมื่อนายชิ้มยิงผู้เสียหายแล้วจำเลยร้องห้ามไม่ให้คนอื่นเข้ามาแล้วจำเลยกับนายชิ้มหลบหนีไปพร้อมกันตามเอกสารหมาย จ.4, จ.5 ที่จำเลยอ้างว่าขณะเสียงปืนดังจำเลยรำวงอยู่กับนายเจือนายแดงนั้นเห็นว่าพยานของจำเลยไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างพยานโจทก์ได้ เพราะผู้เสียหายไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย รุ่งขึ้นจากวันเกิดเหตุก็แจ้งความกับร้อยตำรวจตรีสุวัฒน์ทันทีว่า จำเลยเกี่ยวข้องกับการที่นายชิ้มยิงตนอย่างไรดังยกขึ้นกล่าวข้างต้น นายปลื้ม นายยกซึ่งต่างก็ไม่มีสาเหตุใด ๆกับจำเลยต่างก็ให้การในชั้นสอบสวนว่า จำเลยยืนอยู่ใกล้ ๆนายชิ้ม เมื่อนายชิ้มยิงผู้เสียหายแล้ว จำเลยร้องห้ามไม่ให้คนอื่นเข้ามา แล้วหลบหนีไปด้วยกัน ไม่มีเหตุที่จะระแวงสงสัยว่าพยานโจทก์ดังกล่าวจะปรักปรำจำเลย เมื่อพิจารณาคำของผู้เสียหายประกอบพยานอื่น ๆ ดังยกขึ้นกล่าวแล้วเชื่อว่า ขณะนายชิ้มยิงผู้เสียหายนั้นจำเลยยืนอยู่ใกล้ ๆ นายชิ้ม เมื่อนายชิ้มยิงแล้วจำเลยห้ามไม่ให้คนอื่นเข้าไปช่วยผู้เสียหาย แล้วจำเลยกับนายชิ้มวิ่งหนีไปด้วยกัน มูลเหตุที่นายชิ้มยิงผู้เสียหายผู้เสียหายว่าก่อนเกิดเหตุคดีนี้ประมาณ 3 เดือน นายชิ้มถูกคนร้ายยิงและเข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นคนยิงจึงมีความโกรธแค้นกันจำเลยเป็นเพื่อนกับนายชิ้มซึ่งจำเลยก็รับว่ารู้จักกับ นายชิ้มนายยกให้การในชั้นสอบสวนว่า เห็นจำเลยกับนายชิ้มเดินไปที่หน้าต่างที่นายชิ้มยิงผู้เสียหายพร้อมกันปรากฏตามเอกสารหมาย จ.5 เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ดังกล่าวประกอบแล้วเชื่อว่าจำเลยร่วมรู้เห็นมาก่อนว่า นายชิ้มจะไปยิงผู้เสียหาย จำเลยร่วมไปกับนายชิ้มเพื่อเป็นการให้กำลังใจเมื่อนายชิ้มยิงผู้เสียหายแล้วจำเลยแสดงตัวเป็นพวกนายชิ้มทันที โดยร้องห้ามคนอื่นไม่ให้เข้าไปช่วยผู้เสียหายเป็นการแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่านายชิ้มไม่ได้มาคนเดียวย่อมทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวที่จะเข้าช่วยเหลือผู้เสียหายเพิ่มกำลังใจให้นายชิ้มยิ่งขึ้นที่มีจำเลยคอยช่วยเหลือ แล้วจำเลยกับนายชิ้มหลบหนีไปพร้อมกัน เห็นว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวจำเลยจะมีอาวุธแสดงให้คนอื่นเห็นขณะจำเลยร้องห้ามคนอื่นไม่ให้ช่วยเหลือผู้เสียหายหรือไม่ก็ตามถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับนายชิ้มใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย จำเลยเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ในการกระทำความผิดดังฟ้องฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share