แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้มอบทำใบมอบอำนาจให้ผู้รับมอบจัดการเกี่ยวแก่ทรัพย์สินตลอดจนฟ้องคดีโดยทั่วๆ ไปเช่นนี้ ไม่มีกำหนดอายุความ ตราบใดที่ยังตกลงมอบและรับมอบอำนาจกันอยู่ต่อไปย่อมใช้ได้ และเรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวแก่การใช้สิทธิเรียกร้อง จะยกอายุความทั่วไป 10 ปีมาใช้บังคับไม่ได้
แม้ในฟ้องโจทก์จะบรรยายว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ แต่เมื่อพิจารณาฟ้องโดยละเอียดแล้วเข้าใจได้ว่าโจทก์เพียงเรียกเงินที่จำเลยกู้จากผู้มอบอำนาจไม่ใช่เรียกเงินที่จำเลยกู้ตัวโจทก์ผู้รับมอบอำนาจเอง ปรากฏชัดตามสำเนากู้ท้ายฟ้องว่าจำเลยกู้เงินหลวงสิทธิผู้มอบอำนาจดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยเข้าใจฟ้องของโจทก์ได้โดยไม่หลงข้อต่อสู้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับมอบอำนาจทั่วไปจากหลวงสิทธิเทพการ เมื่อ 27 ธันวาคม 2493 จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ 8,000 บาท ดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาท ต่อเดือน กำหนดชำระเงินภายใน 27 กุมภาพันธ์ 2494 โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันตั้งแต่กู้ไปไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย ขอให้บังคับจำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 รับสารภาพแต่โจทก์ไม่เรียกร้องเงินในกำหนดที่บอกจึงไม่ควรรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระต้นเงินและดอกเบี้ย หากชำระไม่ได้หรือค้างเท่าใดให้จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์จนครบ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าใบมอบอำนาจของโจทก์ขาดอายุแล้วเพราะเกิน10 ปี และโจทก์นำสืบนอกประเด็นในฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าการมอบอำนาจดังนี้เป็นใบมอบอำนาจให้จัดการเกี่ยวแก่ทรัพย์สินตลอดจนการฟ้องร้องคดี โดยทั่ว ๆ ไปไม่ใช่มอบให้จัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะใบมอบอำนาจเช่นนี้จึงไม่มีอายุความ ในเมื่อผู้มอบและผู้รับมอบอำนาจยังตกลงมอบและรับมอบอำนาจกันต่อไปจำเลยจะยกอายุความทั่วไป 10 ปีมาใช้บังคับหาได้ไม่
ข้อที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์นำสืบนอกฟ้องนอกประเด็นตามฟ้องโจทก์แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ก็ดี แต่เมื่อพิจารณาฟ้องโดยละเอียดแล้วก็พอเข้าใจได้ว่าโจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้จากหลวงสิทธิเทพการ ไม่ใช่เรียกเงินที่จำเลยกู้นายสุภัทท์โจทก์เอง เพราะปรากฏในฟ้องข้อ 2 ว่าตามสำเนาสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันซึ่งได้เสนอมาท้ายฟ้องแล้ว จึงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจฟ้องของโจทก์ได้โดยไม่หลงข้อต่อสู้ จึงพิพากษายืน