แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยรับเช็คของกลางซึ่งเป็นของผู้เสียหายมาโดยทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมาอันเป็นความผิดฐานรับของโจร เมื่อจำเลยนำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคารจึงเป็นการเอาไปเสียซึ่งเช็คของผู้เสียหายในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 188 อีกบทหนึ่งด้วย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(9),357, 188, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 (ที่ถูกมาตรา 357 วรรคแรก), 188 ให้ลงโทษตามมาตรา 188ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 2 ปี ข้อหาลักทรัพย์ให้ยกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ลงโทษจำคุก 2 ปี ให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยนำเช็คไปเบิกเงินเป็นของจำเลยย่อมเป็นการกระทำให้เช็คนั้นไร้ประโยชน์ที่จะใช้ได้อีก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 ด้วยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมิได้กระทำโดยเจตนาที่จะให้เช็คนั้นไร้ประโยชน์ที่จะนำมาใช้ได้อีก การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดตามมาตรา 188 โจทก์ฎีกาว่าการที่จำเลยนำเช็คไปลงชื่อด้านหลังและยื่นขอเบิกเงินจากธนาคารแสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะทำให้เสียหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเช็คนั้นจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ด้วย ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 บัญญัติว่า “ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนต้องระวางโทษ…” ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยรับเช็คของกลางซึ่งเป็นของผู้เสียหายมาโดยทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมาอันเป็นความผิดฐานรับของโจรและในชั้นฎีกาคู่ความไม่ได้โต้เถียง ข้อเท็จจริงนี้จึงเป็นอันยุติฉะนั้นเมื่อจำเลยนำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคาร จึงเป็นการเอาไปเสียซึ่งเช็คของผู้เสียหายในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 อีกบทหนึ่งด้วย…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.