คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของครอบครองที่พิพาทตลอดมา30 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมาถึง 17 ปีแล้ว คู่ความตกลงกันขอให้สืบพยานคนกลาง หากพยานคนกลางเบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของฝ่ายใด โดยได้ครอบครองตลอดมาจนก่อนพิพาทกันชั้นอำเภอแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ ทนายคนกลางเบิกความว่า เห็นจำเลยครอบครองตลอดมา 17 ปีแล้ว เมื่อ 2-3 ปีมานี้ โจทก์ได้ยื่นแบบ ส.ค.1 สำหรับที่รายพิพาท ดังนี้ถือว่า เจตนาตามคำท้ามุ่งถึงเรื่องที่ว่า ฝ่ายใดครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาท ไม่ได้เจตนาถึงเรื่องแย่งการครอบครองภายใน2-3 ปี จึงต้องถือว่า พยานคนกลางเบิกความสมข้างจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเดิมเป็นของนายหนอ นางเขียว บิดามารดานางบุญทองภรรยาโจทก์ได้ยกให้โจทก์กับนางบุญทองเป็นกรรมสิทธิเด็ดขาดเมื่อประมาณ 30 ปีมานี้ จนเมื่อประมาณก่อนฟ้อง 1 เดือนเศษจำเลยบุกรุกแย่งการครอบครองและตัดต้นตะเคียนของโจทก์ 2 ต้นจึงขอให้ศาลแสดงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยกับบริวารอย่าเกี่ยวข้องและเรียกค่าไม้ตะเคียน 2,000 บาท

จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 โดยได้รับมรดกจากนายหนอบิดาครอบครองเป็นเจ้าของมา 17 ปีแล้ว

ชั้นพิจารณา โจทก์จำเลยท้ากันให้สืบพยานคนกลางคือ นายเพิ่มผู้ใหญ่บ้านซึ่งมีที่ดินติดต่อกันที่พิพาท หากนายเพิ่มเบิกความว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดครอบครองตลอดมาจนก่อพิพาทกันชั้นอำเภอแล้วอีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้

นายเพิ่มเบิกความว่า เห็นจำเลยครอบครองตลอดมาราว 17 ปีแล้วเมื่อ 2-3 ปีมานี้ โจทก์ได้ยื่นแบบ ส.ค.1 สำหรับที่รายพิพาท และที่เกี่ยวข้องกับที่พิพาท

ศาลชั้นต้นเห็นว่า นายเพิ่มเบิกความสมฝ่ายจำเลย พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำเบิกความของนายเพิ่มสมฝ่ายโจทก์ พิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ตั้งประเด็นมาในฟ้องว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมา 30 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทมา 17 ปีแล้ว ดังนั้นเจตนาตามคำท้ามุ่งถึงเรื่องที่ว่าฝ่ายใดครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาท ไม่ได้เจตนาถึงเรื่องแย่งการครอบครองภายใน 2-3 ปี จึงฟังได้ว่า นายเพิ่มเบิกความสมกับข้างจำเลย

พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share