แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของครอบครองที่พิพาทตลอดมา 30 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมาถึง 17 ปีแล้ว คู่ความตกลงกันขอให้สืบพยานคนกลาง หากพยานคนกลางเบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของฝ่ายใด โดยได้ครอบครองตลอดมาจนก่อนพิพาทกันชั้นอำเภอแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ พยานคนกลางเบิกความว่า เห็นจำเลยครอบครองตลอดมา 17 ปีแล้ว เมื่อ 2-3 ปีมานี้ โจทก์ได้ยื่นแบบ ส.ค. 1 สำหรับที่รายพิพาท ดังนี้ถือว่า เจตนาตามคำท้ามุ่งถึงเรื่องที่ว่า ฝ่ายใดครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาท ไม่ได้เจตนาถึงเรื่องแย่งการครอบครองภายใน 2 – 3 ปี จึงต้องถือว่าพยานคนกลางเบิกความสมข้างจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเดิมเป็นของนายหนอง นางเขียว บิดามารดานางบุญทองภรรยาโจทก์ได้ยกให้โจทก์กับนางบุญทองเป็นกรรมสิทธิเด็ดขาดเมื่อประมาณ ๓๐ ปีมานี้ จนเมื่อประมาณก่อนฟ้อง ๑ เดือนเศษ จำเลยบุกรุกแย่งการครอบครองและตัดต้นตะเคียนของโจทก์ ๒ ต้น จึงขอให้ศาลแสดงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยกับบริวารอย่าเกี่ยวข้องและเรียกค่าไม่ตะเคียน ๒,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๑ โดยได้รับมรดกจากนายหนอบิดาครอบครองเป็นเจ้าของมา ๑๗ ปีแล้ว
ขั้นพิจารณาโจทก์จำเลยท้ากันให้สืบพยานคนกลางคือ นายเพิ่มผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีที่ดินติดต่อกับที่พิพาท หากนายเพิ่มเบิกความว่า ที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดครอบครองตลอดมาจนก่อนพิพาทกันชั้นอำเภอแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้
นายเพิ่มเบิกความว่า เห็นจำเลยครอบครองตลอดมาราว ๑๗ ปีแล้ว เมื่อ ๒ – ๓ ปีมานี้ โจทก์ได้ยื่นแบบ ส.ค. ๑ สำหรับที่รายพิพาท และถ้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
ศาลชั้นต้นเห็นว่า นายเพิ่มเบิกความสมฝ่ายจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำเบิกความของนายเพิ่มสมฝ่ายโจทก์ พิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดีความ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ตั้งประเด็นมาในฟ้องว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมา ๓๐ ปี แล้ว จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทมา ๑๗ ปีแล้ว ดังนั้นเจตนาตามคำท้ามุ่งถึงเรื่องที่ว่า ฝ่ายใดครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาท ไม่ได้เจตนาถึงเรื่องแบ่งการครอบครองภายใน ๒ – ๓ ปี จึงฟังได้ว่านายเพิ่มเบิกความสมกับข้างฝ่ายจำเลย
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง