คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คนขับรถยนต์ของมหาวิทยาลัยมีหน้าที่ขับรถยนต์รับและส่งนักเรียนและข้าราชการของมหาวิทยาลัยระหว่างมหาวิทยาลัยและที่ต่างๆ เมื่อขับไปชนรถยนต์อื่นโดยประมาทเลินเล่อ ในระหว่างทางที่ไปและกลับนั้นเป็นเหตุให้คนโดยสารในรถที่ถูกชนแขนหัก ดังนี้มหาวิทยาลัยผู้เป็นนายจ้างต้องรับผิดร่วมกับผู้ขับรถยนต์ ซึ่งเป็นลูกจ้างด้วย
ผู้โดยสารถูกรถชนแขนหักพิการก่อนแขนหักพิการ มีอาชีพในการถ่ายภาพยนต์และได้มีผู้ว่าจ้างไว้แล้ว เมื่อแขนหักพิการเขาจึงไม่จ้าง ดังนี้เป็นเรื่องเห็นได้ชัดว่าต้องขาดประโยชน์ทั้งปัจจุบันและอนาคต อันเป็นประโยชน์ชอบจะได้โดยตรง ฉะนั้น ผู้ขับรถยนต์ชนเขาและนายจ้าง ต้องรับผิดในค่าเสียหายดังกล่าวแล้วด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ 2 เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย นายสงัดจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถยนต์เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2492 โจทก์โดยสารรถยนต์ประจำทาง จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้างโดยประมาทเลินเล่อขับรถเร็วแซงขึ้นหน้ารถสามล้อบนเชิงสะพานอุเทนถวาย เป็นเหตุให้รถคันที่จำเลยที่ 1 ขับมาชนรถประจำทางที่โจทก์โดยสารมาเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนขวาหักพิการตลอดชีวิตโจทก์ต้องเสียค่ารักษาในโรงพยาบาล 1,670 บาท ต้องรักษาที่อื่นอีก 2,580 บาท ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล โจทก์ต้องขาดรายได้จากการเป็นช่างถ่ายภาพยนตร์ไป 27 วัน เป็นเงิน 1,350 บาท ฯลฯรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 90,106 บาทขอให้จำเลยใช้

จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ 2 ปฏิเสธความรับผิด

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้ง 2 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 24,250 บาท และดอกเบี้ย

จำเลยที่ 2 และโจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า นอกจากค่าเสียหายที่ศาลชั้นต้นบังคับให้จำเลยร่วมกันใช้แก่โจทก์แล้ว ให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายตามฟ้องข้อ 5 ให้แก่โจทก์อีก2,000 บาท ฯลฯ

จำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียวฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ไปส่งนักเรียน เป็นการกระทำในทางการที่จ้าง เมื่อรถยนต์เกิดขัดข้องขึ้นตามทาง ก็ย่อมต้องแก้ไข เมื่อแก้เสร็จแล้ว ได้มีเสมียนและคนงานของจำเลยที่ 2 เองอาศัยไปด้วย สถานที่เกิดเหตุก็อยู่ในระหว่างทางที่ไปและกลับจำเลยที่ 2 คือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ผู้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดด้วยส่วนเรื่องค่าเสียหาย โจทก์ก็นำสืบได้ชัดแจ้งว่าได้รับความเสียหายอย่างไรบ้าง คือต้องเสียค่าพยาบาลรักษาแม้กระนั้นก็ดี ยังเป็นคนพิการแขนขวาหักใช้การไม่ได้ ก่อนแขนขวาหักพิการโจทก์มีอาชีพในการถ่ายภาพยนตร์ และได้มีผู้ว่าจ้างโจทก์ไว้ โจทก์ต้องขาดประโยชน์ไปทั้งในปัจจุบันและอนาคต เป็นประโยชน์อันปรากฏชัดว่า โจทก์ชอบที่จะได้โดยตรง จึงพิพากษายืน

Share