คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินไป 1140 บาทโดยเอาโฉนดปลอมมาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน จนถึงกับฟ้องคดีอาญา ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยและให้จำเลยใช้เงิน 1140 บาท แก่โจทก์ จำเลยได้นำเงิน 1140 บาทไปชำระกองหมายตามหมายบังคับคดีแล้ว โจทก์จึงฟ้องเรียกดอกเบี้ยกับค่าธรรมเนียมและค่าเสียหายอย่างอื่นจากจำเลยอีก ดังนี้ ย่อมไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนอัยยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา และขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 1140 บาทให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายตามอำนาจที่ ป.ม.วิ.อาญามาตรา 43 ให้ไว้และโจทก์ได้ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยยการด้วย โจทก์ยังไม่ได้เรียกค่าเสียหาย จีงฟ้องคดีนี้ได้ อนึ่งฟ้องดังกล่าวนี้ไม่ใช่เป็นฟ้องทางลักษณะสัญญาโดยตรง ในอันที่ศาลจะยกฟ้องเสียได้ โดยเห็นว่าสัญญากู้เป็นโมฆะแล้ว
ในทางแพ่ง กฎหมายไม่บังคับว่า การฟ้องคดีที่ทำได้ทั้งละเมิดและผิดสัญญานั้นโจทก์จะต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง โจทก์จะฟ้องโดยบรรยายข้อเท็จจริงและเรียกค่าเสียหายมาเฉย ๆ ก็ได้ ศาลมีหน้าที่ต้องนำเอาตัวบทกฎหมายมาปรับแก่คดีนั้นว่า ตามฟ้องโจทก์นั้นมีกฎหมายให้โจทก์ได้ค่าเสียหายตามฟ้องหรือไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินจำเลยไป ๑๑๔๐ บาท ดังปรากฎตามสัญญากู้ จำเลยเอาโฉนดปลอมมาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน จนถึงกับฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ศาลพิพากษาจำคุกจำเลย และให้ใช้เงิน ๑๑๔๐ บาทแก่โจทก์ จำเลยได้นำเงิน ๑๑๔๐ บาทไปชำระต่อกองหมายแล้ว แต่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระดอกเบี้ยกับค่าธรรมเนียมและค่าเสียหายอย่างอื่น โดยศาลมิได้แจ้งไว้ในหมายบังคับคดี จึงขอให้บังคัลจำเลยชำระดอกเบี้ยกับค่าสินไหมทดแทนความเสียหาย จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ฟ้องแล้ว จะมาฟ้องอีกไม่ได้ และโจทก์จะเอาสัญญาที่ตนบอกล้างตกเป็นโมฆะแล้วมาฟ้องไม่ได้ คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว ต่อมาโจทก์แถลงไม่ติดใจเรียกร้องค่าทนาย ๒๕๐ บาทต่อไป ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์ตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ฟ้องทางลักษณะสัญญา โดยอ้างสัญญากู้ที่ตกเป็นโมฆะแล้ว พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ในทางแพ่งกฎหมายไม่ได้บังคับว่าการฟ้องคดีที่เป็นทั้งละเมิดและผิดสัญญานั้น โจทก์จะเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง โจทก์จะฟ้องโดยบรรยายข้อเท็จจริงแล้วขอค่าเสียหายมาเฉย ๆ ก็ได้ ศาลมีหน้าที่ต้องเอาตัวบทกฎหมายมาปรับแก่คดีนั้น ว่าตามที่โจทก์ฟ้องนั้นมีกฎหมายให้โจทก์ได้ค่าเสียหายตามขอหรือไม่ จะมีปัญหาก็แต่ว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้ำอันต้องห้ามตามมาตรา ๑๔๘ ป.ม.วิ.แพ่งหรืออย่างไร ศาลฎีกาเห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนอัยยการโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา และขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน ๑๑๔๐ บาทให้แก่โจทก์ผู้เป็นผู้เสียหายตามอำนาจที่ ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๔๓ ให้ไว้ และโจทก์ได้ขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับอัยยการ โจทก์ยังไม่ได้เรียกค่าเสียหาย จึงจะฟ้องคดีนี้ได้ ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ว่า โจทก์จะหวนกลับมาอ้างทางสัญญากู้อันตกเป็นโมฆะแล้วอีกไม่ได้นั้น โจทก์ได้บรรยายฟ้องตามข้อเท็จจริงในท้องเรื่องตลอดมา แต่ศาลฎีกาเห็นว่าเป็แต่โจทก์อ้างมาตราฐานเพื่อขอให้ศาลคิดค่าเสียหายให้เพราะแม้สัญญาจะเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น อันจะอ้างไม่ได้แล้วหรือไม่ก็ตาม ให้โจทก์มีสิทธิได้ค่าเสียหาย ศาลจะให้ตามที่เคยกำหนดไว้ในสัญญา หรือจะให้เพียงใดนั้นเป็นเรื่องของศาล นอกจากนั้นโจทก์ยังฟ้องเรียกค่าธรรมเนียมที่ได้เสียไปในคดีก่อนด้วย ซึ่งจะว่าฟ้องโดยอ้างสัญญาไม่ได้ แต่ศาลอุทธรณ์ยังหาได้วินิจฉัยคดีทุกประเด็นไม่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่.

Share