คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ได้ความว่าจำเลยมาเอารถจักรยาน 2 ล้อ ของผู้เสียหายซึ่งฝากไว้กับนายจันทร์ อ้างว่าจะเอาไปให้ผู้เสียหาย นายจันทร์เห็นว่าจำเลยกับผู้เสียหายเป็นเพื่อนกันและมาฝากรถด้วยกันจึงมอบให้ไป แล้วจำเลยนำไปเป็นประโยชน์ของตน หาได้นำไปคืนให้ผู้เสียหายไม่ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกแล้วหลอกลวงให้นายจันทร์หลงเชื่อด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จจนได้รถคันนั้นไปจากนายจันทร์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ศาลก็ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๑๙ เวลากลางวัน จำเลยบังอาจลักเอารถจักรยาน ๒ ล้อ ๑ คัน ราคา ๑,๒๖๐ บาท ของนายหนูเขื่อน ไชยแสนผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลรักษาของนายจันทร์ พลซาไปโดยทุจริต เหตุเกิดที่ตำบลปวนพุ อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๔ ให้จำคุก ๑ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๑,๒๖๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้มาเอารถจักรยาน ๒ ล้อ ของผู้เสียหายซึ่งฝากไว้กับนายจันทร์ โดยจำเลยว่าจะเอาไปให้ผู้เสียหาย แต่ก็หาได้นำไปคืนให้ผู้เสียหายไม่ รถจักรยานของผู้เสียหายอยู่ในความครอบครองของนายจันทร์ การที่จำเลยมาบอกนายจันทร์ว่าจะเอาไปคืนให้ผู้เสียหาย นายจันทร์เห็นว่าจำเลยกับผู้เสียหายเป็นเพื่อนกันและมาฝากรถด้วยกันจึงมอบให้ไป แล้วจำเลยนำไปเป็นประโยชน์ของตนหาได้นำไปคืนให้ผู้เสียหายไม่ จึงอยู่ในลักษณะที่เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกแล้วหลอกลวงให้นายจันทร์หลงเชื่อด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จจนได้รถคันนั้นไปจากนายจันทร์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ ไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์ ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๕๕๔/๒๕๐๙ ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดอุทัยธานี โจทก์ นายตุ่น เพ็ชร์สาริกิจ จำเลย เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ศาลก็ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสอง
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในผล

Share