คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9716/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงที่จำเลยขอแก้ไขคำให้การว่าจำเลยยังไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้เงินและสัญญากู้ดังกล่าวกับสัญญาจำนอง ทำขึ้นโดยปราศจากความยินยอมของภริยาจำเลยมิใช่ข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้อง
การไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้คงมีผลตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 650 ว่าสัญญาดังกล่าวไม่สมบูรณ์ และการทำสัญญากู้เงินและสัญญาจำนองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง คงมีผลตามมาตรา 1480 ว่า นิติกรรมสัญญาดังกล่าวไม่สมบูรณ์ อันอาจฟ้องให้เพิกถอนนิติกรรมนั้นได้เท่านั้น แต่หาได้ตกเป็นโมฆะจนถึงกับโจทก์ผู้ให้กู้ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ ส่วนเรื่องการบอกเลิกสัญญาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากที่คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งจะไปดำเนินการตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับจำเลย การขอแก้ไขคำให้การในเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน อันจำเลยจะมีสิทธิขอแก้ไขคำให้การหลังจากสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินเพื่อการเกษตรและสัญญาจำนองเป็นเงิน 6,658,938.22 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงิน 5,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยไม่ชำระหนี้ให้บังคับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 4113 และ 873 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมส่งมอบเงินตามสัญญากู้เงินเพื่อการเกษตรให้แก่จำเลยตามที่ได้ตกลงกันไว้ โจทก์ไม่เสียหาย และโจทก์คิดดอกเบี้ยทบต้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หลังจากสืบพยานโจทก์ได้ 1 ปาก แล้วจำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การว่า สัญญากู้เงินเพื่อการเกษตรกับสัญญาจำนองทำขึ้นโดยปราศจากความยินยอมของภริยาจำเลย ภริยาจำเลยได้บอกล้างสัญญาดังกล่าวแล้ว จึงตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การหลังจากมีการสืบพยานโจทก์ไปแล้ว ซึ่งจำเลยสามารถยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานและประเด็นเรื่องที่ภริยาจำเลยไม่ให้ความยินยอมในการที่จำเลยไปทำสัญญากู้เงินเพื่อการเกษตรและสัญญาจำนองต่อโจทก์ทั้งได้มีการบอกล้างแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับการสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะขอแก้ไขคำให้การหลังจากสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วได้หรือไม่ เห็นว่า ป.วิ.พ. มาตรา 180 บัญญัติหลักเกณฑ์กำหนดระยะเวลาแก้ไขคำให้การไว้ว่า ต้องยื่นก่อนวันชี้สองสถาน หรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน เว้นแต่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนนั้นหรือเป็นการขอแก้ไขในเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย ส่วนที่จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การ เห็นได้ว่าคำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยในส่วนนี้ จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้อะไรขึ้นใหม่เป็นการแก้ข้อหาของโจทก์เลย ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ขอแก้ไขในส่วนนี้จึงเป็นข้อต่อสู้ที่มีข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยย่อมจะทราบได้ดีว่ามีอยู่แล้วมาแต่ต้น และในส่วนที่จำเลยขอแก้ไขคำให้การว่า สัญญากู้เงินเพื่อการเกษตรและสัญญาจำนองทำขึ้นโดยปราศจากความยินยอมของภริยาจำเลยนั้น ก็เป็นเรื่องที่จำเลยย่อมจะทราบดีตั้งแต่วันที่มีการทำสัญญาดังกล่าวและสามารถยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนวันสืบพยานตามกฎหมายอีกเช่นกัน จำเลยจะอ้างว่าเอกสารหลักฐานเกี่วกับการรับเงินตามสัญญากู้ดังกล่าวและให้การให้ความยินยอมของภริยาจำเลยเกิดขึ้นมานานหลายปี จำเลยจึงไม่อาจจำได้ว่ามีหลักฐานดังกล่าวหรือไม่ อันเป็นความบกพร่องของจำเลยเองนั้น เพื่อขอแก้ไขคำให้การหลังวันสืบพยานตามที่กฎหมายบัญญัติบังคับไว้หาได้ไม่ กรณีจึงไม่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การได้ก่อนวันสืบพยานทั้งข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยยังไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้เงินเพื่อการเกษตรและสัญญากู้ดังกล่าวกับสัญญาจำนองทำขึ้นโดยปราศจากความยินยอมของภริยาจำเลยนั้น ก็หาใช่ข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้องดังที่จำเลยอ้างในฎีกาไม่ เพราะการไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ดังกล่าวคงมีผลตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 650 ว่าสัญญาดังกล่าวไม่สมบูรณ์ และการทำสัญญากู้เงินเพื่อการเกษตรและสัญญาจำนองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภริยาจำเลย คงมีผลตาม ป.พ.พ. มาตรา 1480 ว่า นิติกรรมสัญญาดังกล่าวไม่สมบูรณ์อาจฟ้องให้เพิกถอนนิติกรรมนั้นได้เท่านั้น หาได้ตกเป็นโมฆะจนถึงกับโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่
ส่วนเรื่องการบอกล้างสัญญาของภริยาจำเลยนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากที่ภริยาจำเลยจะไปดำเนินการตามกฎหมายไม่เกี่ยวกับจำเลย กรณีตามคำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยจึงไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อบของประชาชนที่จำเลยจะยื่นขอแก้ไขได้หลังวันสืบพยานที่กฎหมายบัญญัติยกเว้นไว้อีกเช่นกัน ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้จำเลยแก้ไขคำให้การนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share