คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาต่ออำเภอขายที่พิพาทให้โจทก์แล้ว จึงขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท จำเลยให้การรับว่า ได้ไปทำสัญญาดังกล่าวจริง แต่แก้ไปว่าสัญญานี้เกิดจากโจทก์ใช้อุบายล่อลวงเป็นกลฉ้อฉลความจริงเป็นเรื่องเจตนาขายฝาก ดังนี้ จำเลยมีหน้าที่จะต้องสืบก่อน เพื่อหักล้างหลักฐานฝ่ายโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องอ้างว่า ได้ซื้อที่พิพาทจากจำเลยแต่ยังให้จำเลยอาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่ บัดนี้ ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ จึงขอให้ขับไล่จำเลย

จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้ขายขาดแก่โจทก์เป็นเรื่องขายฝากโดยกลฉ้อฉลของโจทก์ ซึ่งจำเลยได้บอกล้างแล้ว

ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทจำเลยได้ทำสัญญาขายขาดให้โจทก์ที่จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาซื้อขายเกิดจากกลฉ้อฉลนั้นฟังไม่สม จึงพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อเรือนให้พ้นไปจากที่พิพาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยได้ทำสัญญาต่ออำเภอขายที่พิพาทให้โจทก์ ซึ่งจำเลยก็ให้การรับว่าได้ไปทำสัญญาดังกล่าวจริงแต่แก้ไปว่าสัญญานี้เกิดจากโจทก์ใช้อุบายล่อลวงเป็นกลฉ้อฉลความจริงเป็นเรื่องเจตนาขายฝาก จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องนำสืบก่อนเพื่อหักล้างหลักฐานฝ่ายโจทก์ แต่พยานจำเลยไม่มีน้ำหนักฝ่ายโจทก์มีทั้งพยานเอกสารและพยานบุคคลหลายปาก เป็นที่เชื่อถือได้

จึงพิพากษายืน

Share